วัตถุประสงค์
ฝึกการใช้ความคิดวิเคราะห์ และแยกแยะประเด็นปัญหา
การพิจารณากรณีอย่างละเอียดรอบคอบ สมเหตุสมผล
ให้ผู้เรียนรู้จักวิธีการสืบค้นความรู้ด้วยตนเอง
เพื่อเสริมสร้างทักษะในการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มอย่างรู้บทบาท
และหน้าที่ของตน
เพื่อฝึกและให้โอกาสผู้เรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์ ความรู้สึกและเจตคติ ซึ่งกันและกัน
ขั้นตอนการสอน
1.ผู้สอน/ผู้เรียนนำเสนอกรณี
2.ผู้เรียนศึกษากรณีตัวอย่าง
3.ผู้เรียนอภิปรายประเด็นคำถามเพื่อหาคำตอบ
4.ผู้สอนและผู้เรียนอภิปรายคำตอบ
5.ผู้สอนและผู้เรียนอภิปรายเกี่ยวกับปัญหาและวิธีแก้ปัญหา
ของผู้เรียน และสรุปการเรียนรู้ที่ได้รับ
6.ผู้สอนประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน
1.เป็นวิธีสอนที่ช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะ
การคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดแก้ปัญหา ช่วยให้ผู้เรียนมีมุมมองที่กว้างขึ้น
2.เป็นวิธีสอนที่ช่วยให้ผู้เรียนได้เผชิญปัญหาที่เกิดขึ้นในสถาน
การณ์จริงและได้ฝึกแก้ปัญหาโดยไม่ต้องเสี่ยงกับผลที่จะเกิด
ขึ้นช่วยให้เกิดความพร้อมที่จะแก้ปัญหาเมื่อเผชิญปัญหานั้น
ในสถานการณ์จริง
3. เป็นวิธีสอนที่ช่วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมใน
การเรียนสูง ส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียน และส่งเสริมการเรียนรู้จากกันและกัน
4.เป็นวิธีสอนที่ให้ผลดีมากสาหรับ
กลุ่มผู้เรียนที่มีความรู้และประสบ
การณ์หลากหลายสาขา
1.หากกลุ่มผู้เรียนมีความรู้และ
ประสบการณ์ไม่แตกต่างกัน การเรียนรู้อาจไม่กว้างเท่าที่
ควรเพราะผู้เรียนมักมีมุมมองคล้ายกัน
2.แม้ปัญหาและสถานการณ์จะใกล้เคียง
กับความเป็นจริง แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ กับผู้เรียนความคิดในการแก้ปัญหาจึง
มักเป็นไปตามเหตุผลที่ถูกที่ควร ซึ่งอาจไม่ตรงกับการปฏิบัติจริงได้
องค์ประกอบที่สำคัญ
ข้อดี
ความหมาย
ข้อดี – ข้อจำกัด
ของการสอนแบบกรณีศึกษา
กระบวนการสอนที่ผู้สอนนำเสนอกรณีศึกษา หรือตัวอย่าง หรือเรื่องราวที่เกิดจากสถานการณ์ใดๆ ซึ่งมีปัญหาความขัดแย้งอยู่ โดยนาเสนอในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาวิเคราะห์ อภิปราย แลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันในการหาแนวทางแก้
ปัญหาจะช่วยให้ผู้เรียนมีความเข้าใจพื้นฐานของปัญหา
และตัดสินใจแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง
ข้อจำกัด
วิธีสอนโดยใช้กรณีศึกษา