Introducing 

Prezi AI.

Your new presentation assistant.

Refine, enhance, and tailor your content, source relevant images, and edit visuals quicker than ever before.

Loading content…
Loading…
Transcript

การพยาบาลมารดาที่มีภาวะเสี่ยงต่อการตกเลือดหลังคลอด

น.ส. นริสา ชูชาติ 604991036

น.ส. ภคพร สมสนุก 604991047

น.ส. ภัทรวดี บุญรอด 604991048

ภาวะตกเลือดหลังคลอด

พยาธิ

การที่สตรีหลังคลอดมีเลือดออกหลังคลอดบุตร

ปกติทางช่องคลอดแล้วในปริมาณที่มากกว่า 500 มิลลิลิตรหรือมากกว่า 1,000 มิลลิลิตร ในรายที่ผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง

1. Early postpartum hemorrhage

ระยะแรก

เกิดภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด

1. Tone (ความผิดปกติในการหดรัดตัวของมดลูก)

4T

-กล้ามเนื้อมดลูกที่ขยายมากเกินไปซึ่งอาจเกิดจากครรภ์แฝด

-การได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกมากเกินไป

-การคลอดที่ไม่ปกติ

การเจ็บครรภ์คลอดยาวนาน

การคลอดเฉียบพลัน

-กระเพาะปัสสาวะเต็มทำให้ขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูก

-สาเหตุอื่นๆ

การมีแผลที่มดลูก เช่น เคยผ่าตัดคลอด

เนื้องอกที่ตัวมดลูก

มดลูกปลิ้น

การคลอดบุตรเกิน 5 คน

การอักเสบติดเชื้อภายในโพรงมดลูก

2.Tear (มีบาดแผลฉีกขาดทางช่องคลอด)

การมีบาดแผลฉีกขาดของทางคลอด บริเวณที่มีการฉีกขาด ได้แก่ การฉีกขาดที่ขยายออกไปของแผลฝีเย็บการฉีกขาดของ Clitoris ปากมดลูก Fornix หรือการแตกของมดลูกและมีก้อนเลือดบริเวณ Ischeal spines หรือมีการคั่งของเลือดในแผลฝีเย็บภายหลังเย็บซ่อมแซมแล้ว

3.Tissue (มีสิ่งตกค้างในโพรงมดลูก)

มีสาเหตุมาจาก การมีรกค้างและจากการมีเนื้อเยื่อค้างอยู่จึง ทำให้มดลูกหดรัดตัวได้ไม่ดี อาจเกิดจาก

-การทำคลอดรกไม่ถูกวิธี

-รกฝังตัวลึกและแน่นผิดปกติ

4.Thrombin (การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ)

พบในผู้ที่มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือดเมื่อคลอดบุตรทำให้มีเลือดออกมากกว่าปกติและไม่หยุดง่ายๆ

ได้แก่

-DIC

-โรคเลือด เช่น ITP

-การได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น heparin

2. Late postpartum hemorrhage

ระยะหลัง

24 ชั่วโมง ไปจนถึง 6 สัปดาห์หลังคลอด

เกิดจาก -เศษหรือเยื่อหุ้มเด็กค้าง

-มดลูกเข้าอู่ช้า

-ภาวะติดเชื้อในโพรงมดลูก

-เลือดออกจากแผลในทางคลอด

-สาเหตุอื่นๆ เช่นครรภ์ไข่ปลาอุกเนื้องอกของตัวมดลูก

กรณีศึกษาของน.ส. ภคพร สมสนุก

Dx. twin with labor pain

CC : เจ็บครรภ์คลอด

มารดา G3P3A0L4 GA 37+2 wk. by U/S ANC ร.พ. มะการักษ์ 14 ครั้ง LAB ปกติ

Blood group B Rh + , Hct 36% , 41% , HBsAg neg. VDRL NR. Anti HIV neg. คลอด normal labor วันที่ 17/2/63 Rt. medio-lateral episiotomy,

tawin A เพศหญิง คลอด 22.41 น.น้ำหนัก 2315 g.

tawin B เพศหญิง คลอด 22.49 น.น้ำหนัก 1630 g.

case 1

1. เสี่ยงต่อภาวะตกเลือดหลังคลอดเนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดี

การพยาบาล

ข้อมูลสนับสนุน

O :มารดา G3P3A0L4 ครรภ์แฝด คลอด Normal labor Rt.medio-lateral episiotomy

: blood loss 250 ml.

: ขณะอยู่ห้องคลอด มี uterine atony แพทย์ให้เหน็บ cytotec (200 mg) 4 tab ทาง rectum

: มีแผลในโพรงมดลูก

วัตถุประสงค์

เพื่อป้องกันให้มารดาเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอด เกณฑ์การประเมินผล

1.สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ BP = 90/60-120/80 mmHg. P = 60-100 ครั้ง/นาที R = 16-24 ครั้ง/นาที T = 36.5-37.4 องศาเซลเซียส 2.มดลูกหดรัดตัวกลมแข็ง อยู่ในระดับสะดือ 3.เลือดออกทางช่องคลอดน้อยกว่า 50 ml/hr

การพยาบาล

1.ประเมินสัญญาณชีพ ทุก 4 ชั่วโมง เพื่อสังเกตอาการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติและให้การช่วยเหลือได้ทันที 2.สอนมารดาคลึงมดลูกจนหดรัดตัวกลมแข็ง เพราะการที่มดลูกหดรัดตัวดี จะทำให้ไม่เสียเลือดเพิ่มขึ้น และสังเกตการหดรัดตัวของมดลูก เพื่อประเมินการทำหน้าที่ของมดลูกว่าเข้าสู่สภาวะปกติหรือไม่ 3.แนะนำมารดาว่าเมื่อปวดปัสสาวะอย่ากั้นปัสสาวะ เพื่อให้กระเพาะปัสสาวะว่าง ไม่ขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูก และการที่กระเพาะปัสสาวะยืดขยายทำให้มี reflex ไปยังกล้ามเนื้อมดลูกให้มีการคลายตัวไปด้วย 4.สังเกตลักษณะและจำนวนเลือดที่ออกจากช่องคลอด โดยสังเกตจากการชุ่มผ้าอนามัย เพื่อประเมินความรุนแรงของภาวะตกเลือด

5.สังเกตระดับความรู้สึกตัวและอาการผิดปกติ เช่น หน้ามืด ใจสั่น เหงื่อออก ตัวเย็น ซีด เพื่อประเมินการตอบสนองของร่างกายต่อปริมาณเลือดที่ลดลงในระบบไหลเวียนเลือด

การประเมินผล

วันที่ 18/2/63

1.BP = 120/80 mmHg.

P = 66 ครั้ง/นาที

R = 18 ครั้ง/นาที

T = 37 องศาเซลเซียส

2.มดลูกหดรัดตัวกลมแข็ง

3.เลือดออกทางช่องคลอดน้อยกว่า 50 ml/hr เปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2-3 ชม.

2. ส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างมารดาและทารก

ข้อมูลสนับสนุน

O : มารดาหลังคลอด 1 วัน case twin ลูกอยู่กุมารและ NICU

: น้ำนมไหล gr.0 หัวนมยาวปกติ

วัตถุประสงค์ เพื่อให้มารดาสร้างสัมพันธภาพกับทารกได้อย่ามีประสิทธิภาพ เกณฑ์การประเมินผล มารดาเข้าใจและสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำได้อย่างถูกต้อง

การพยาบาล

1.แนะนำมารดาให้ไปเยี่ยมบุตรให้ตรงเวลา เพื่อสร้างสัมพันธภาพระหว่างมารดาและทารก 2.สอนมารดาบีบนมออกจากเต้าให้ถูกวิธี เพื่อเก็บน้ำนมไปส่งทารก ให้ทารกได้รับประทาน โดยมีวิธี ดังนี้

-แนะนำมารดาดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำขิง ก่อนเก็บน้ำนม 10-15 นาที

-จัดสิ่งแวดล้อมให้สะอาดสะดวกต่อการเก็บน้ำนม

-แนะนำมารดาล้างมือให้สะอาดก่อนเก็บน้ำนม

-สอนการนวดเต้านมที่ถูกวิธีให้แก่มารดา โดยนำผ้าชุบน้ำอุ่นมาประคบเต้านม 1-3 นาที ก่อนทำการบีบเก็บน้ำนม

-สอนมารดากระตุ้นหัวนมด้วยการใช้นิ้วดึง หรือคลึงบริเวณหัวนมเบาๆ เพื่อป้องกันลานนมและหัวนมแข็ง 3.แนะนำมารดารับประทานอาหารที่เพิ่มน้ำนม ได้แก่ ผัดบวบ แกงเลียง หัวปลี น้ำขิง หลีกเลี่ยงรับประทานอาหารรสจัด เพราะอาหารเหล่านี้สามารถผ่านทางน้ำนมของมารดาได้

ผลการประเมิน

มารดาเข้าใจและสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำได้อย่างถูกต้อง

กรณีศึกษาของน.ส. นริสา ชูชาติ

มารดา G4P2A2L3/G1P1

GA 37+2 wks. ANC รพ.มะการักษ์ จำนวน 9 ครั้ง ไม่ครบตามเกณฑ์มาตราฐาน Lab Hct =34%,34% HbAsg=Negative VDRL= Non-reactive Anti HIV=Negative Blood group= O Rh= Positive

Previous c/s with twins pregnancy.

คลอดบ 11/02/63

Twins (A) เพศชาย เวลา 10.04 น. หนัก 2895 g.

Twins (B) เพศชาย เวลา 10.05 น. หนัก 2590 g.

Blood loss = 300 ml.

case 2

1. เสี่ยงต่อการตกเลือดหลังคลอดเนื่องจากมีแผลในโพรงมดลูกขนาดใหญ่

การพยาบาล

ข้อมูลสนับสนุน

O : มารดา G4P2A2L3/G1P1

: มีแผลในโพลงมดลูกขนาดใหญ่

: คลอดทารกแฝด

: blood loss = 300 ml.

: bleeding per vagina ชุ่ม pad 1 ผืน

วัตถุประสงค์

เพื่อป้องกันภาวะตกเลือดหลังคลอด

เกณฑ์การประเมินผล

1)สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ

-T = 36.5-37.4 องศาเซลเซียส

-P = 60-100 ครั้ง/นาที

-R = 16-24 ครั้ง/นาที

-BP = 90/60-120/80

2)ไม่มีอาการของภาวะช็อก เช่น ใจสั่น ความดันโลหิตต่ำ

3)มดลูกกลมแข็งหดรัดตัวดี ยอดมดลูกอยู่ระดับสะดือ

กิจกรรมการพยาบาล

1)ติดตามสัญญาณชีพทุก 15 นาที 4 ครั้ง 30 นาที 2 ครั้ง ทุก1 ชั่วโมงจนกว่าจะคงที่ เพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงและเฝ้าระวังภาวะช็อก

2)ประเมิน bleeding per vagina และแผลหน้าท้อง เพื่อประเมินปริมาณเลือดที่ออก

3)ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก เพื่อติดตามการหดรัดตัวของมดลูก

4)ดูแลให้ได้รับยาช่วยกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกตาม

แผนการรักษาของแพทย์ 5% D/W/2 1000 ml + synto 20 U IV drip rate 120 cc/hr เพื่อกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก

5)แนะนำมารดาปัสสาวะภายใน 4-6 ชั่วโมงหลังคลอด เพื่อป้องกันภาวะตกเลือดหลังคลอด

6)เเนะนำมารดาถึงอาการผิดปกติที่ต้องรีบแจ้งพยาบาลทันที เช่น หน้ามืด ใจสั่น เหงื่อออก ตัวเย็น ซีด เพื่อประเมินภาวะช็อกจากการเสียเลือด

การประเมินผล

1) สัญญาณชีพ

T=37.5 องศาเซลเซียส

P=96 ครั้ง/นาที

R=24 ครั้ง/นาที

BP=139/67 mmHg

2)มดลูกหดรัดตัวกลมแข็ง อยู่ในระดับสะดือ

3)มี bleeding per vagina ชุ่ม pad 2 ผืน แผลหน้าท้องไม่มี bleeding ซึม

2. เสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตต่ำ เนื่องจากได้รับยาการระงับความรู้สึก ด้วยวิธีการฉีดยาชาเข้าช่องน้ำไขสันหลัง

ข้อมูลสนับสนุน

O : มารดา G4P2A2L3/G1P1

: previous c/s ได้รับยาชาแบบ spinal block

: มารดามีอาการอ่อนเพลีย

วัตถุประสงค์

เพื่อป้องกันภาวะความดันโลหิตต่ำ

เกณฑ์การประเมินผล

1)สัญญาณชีพปกติ

-T=36.5-37.4 องศาเซลเซียส

-P=60-100 ครั้ง/นาที

-R=16-24 ครั้ง/นาที

-BP=90/60-120-80 mmHg

2)มารดาไม่มีอาการอ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน

กิจกรรมการพยาบาล

1)ติดตามสัญญาณชีพทุก 15 นาที 2 ครั้ง 30 นาที 2 ครั้ง ทุก 1 ชั่วโมงจนกว่าจะคงที่เพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลง

2)ประเมินความรู้สึกของมารดา เพื่อประเมินความรู้สึกตัวของมารดาหลังได้รับยาระงับความรู้สึก

3)ดูแลให้มารดานอนหงายราบไม่หนุนหมอน 4-6 ชั่วโมง เพื่อป้องกันภาวะความดันโลหิตต่ำ

4)ดูแลหากมารดามีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ให้นอนตะเเคง เพื่อป้องกันการสำลัก

5)ดูแลให้มารดาได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ 0.9%NSS 1000 ml IV drip 100 cc/hr เพื่อเพิ่มการสร้าง CSF มาทดแทน CSF ที่ไหลออกไป

6)แนะนำหากต้องการลุกนั่ง ควรลุกช้าๆ เพื่อป้องกันความดันโลหิตต่ำขณะเปลี่ยนท่า

7)แนะนำมารดาหากมีอาการหน้ามืด คลื่นไส้ ชา ให้รีบแจ้งพยาบาลเพื่อจะได้รักษาอย่างทันท่วงที

การประเมินผล

1)สัญญาณชีพ

T=37.5 องศาเซลเซียส

P=96 ครั้ง/นาที

R=24 ครั้ง/นาที

BP=139/67 mmHg

2)มารดาไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ไม่มีอาการชา

3. มารดาไม่สุขสบายเนื่องจากมีแผลผ่าตัดหน้าท้อง

ข้อมูลสนับสนุน

S : มารดาบอกปวดแผลผ่าตัด pain score = 7 คะแนน

O : มารดาG4P2A2L3/G1P1

: มารดามีแผลผ่าตัดทางหน้าท้องแบบ midline incision

: มารดาแสดงสีหน้าแสดงความรู้สึกเจ็บปวด คิ้วขมวด

วัตถุประสงค์

เพื่อบรรเทาอาการปวดแผลผ่าตัด

เกณฑ์การประเมินผล

1)ระดับ pain score ลดลง

2)มีสีหน้าสดชื่นขึ้น

กิจกรรมการพยาบาล

1)ประเมินอาการปวดแผล เพื่อประเมินระดับความรุนแรง

2)ดูแลให้มารดา early ambulate เช่น ลุกนั่ง หรือยืนข้างๆ เตียง แต่ถ้ามึนศีรษะ ควรนอนราบบนเตียง เพื่อป้องกันท้องอืด และทำให้ลำไส้ได้ขยับและกลับมาทำงานได้ตามปกติเร็วขึ้น และจะช่วยให้คุณแม่ฟื้นตัวได้เร็ว

3)ดูแลให้ได้รับยา Ibuprofen 200 mg oral 1 tab * 3 pc เพื่อบรรเทาอาการปวด

4)แนะนำมารดาหากไอ ควรใช้มือหรือหมอนกดที่แผล หายใจลึกๆ กลั้นไว้ก่อน แล้วจึงค่อยไอออกมาแรงๆ 2-3 ครั้งเพื่อกำจัดเสมหะ

5)แนะนำให้มารดาอ่านหนังสือ ฟังเพลง หายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากอาการเจ็บปวด

6)สังเกตการแสดงความรู้สึกเจ็บปวดของมารดา เช่น คิ้วขมวด เพื่อประเมินระดับความเจ็บปวด

8.แนะนำหากแผลมีอาการอักเสบ บวม แดง และมีอาการปวดมากขึ้น หรือมีหนอง มีกลิ่นเหม็น คุณแม่ควรรีบไปพบแพทย์ก่อนนัดเสมอ เพื่อจะได้รักษาอย่างทันท่วงที

การประเมินผล

1)มารดาบอกว่าระดับความเจ็บปวดลดลง pain score = 4 คะแนน

2)มารดามีสีหน้สดชื่นขึ้น ยิ้มแย้มมากขึ้น

3)มารดามีการ early ambulate ได้โดยการนั่งข้างเตียง

กรณีศึกษาของน.ส. ภัทรวดี บุญรอด

Dx. Breech presentation

CC : แพทย์นัด admit เพื่อ C/S และ TL

มารดา G2P2A0L2 GA 39+1 wk. by U/S ANC มะการักษ์ จำนวน 9 ครั้ง

ผล LAB ปกติ blood group B Rh + , Hct 38 %, 34% , VDRL NR , HBsAg neg. HIV neg. เต้านมปกติ หัวนมปกติ น้ำนมเกรด 2+ วันที่ 12/2/63 คลอด C/S แบบ midline incision เวลา 14.35 น. เพศหญิง น้ำหนัก 3,203 g.

case 3

1. เสี่ยงต่อภาวะตกเลือดเนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดี

การพยาบาล

ข้อมูลสนับสนุน

S : มารดาบอกว่าเปลี่ยนผ้าอนามัย 2 ผืน/8 hr.

O : มารดา G2P2A0L2 อยู่ในระยะ 2 ชม.หลังคลอด

มีแผลผ่าตัดบริเวณหน้าท้องแบบ midline incision

BMI 29.47 kg/m^2

blood loss 600 ml

ขณะอยู่ในห้องคลอด ได้รับยา metragin 0.2 mg. IV และ cytotec (200mg) 2 tab.

T 37 องศาเซลเซียส

P 82 bpm.

R 20 bpm.

BP 120/80 mmHg

มีแผลในโพรงมดลูก

วัตถุประสงค์

เพื่อป้องกันภาวะตกเลือดหลังคลอด

เกณฑ์การประเมินผล

1.สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ BP = 90/60-120/80 mmHg. P = 60-100 ครั้ง/นาที R= 16-24 ครั้ง/นาที

T = 36.5-37.4 องศาเซลเซียส 2.มดลูกหดรัดตัวกลมแข็ง อยู่ในระดับสะดือ 3.เลือดออกทางช่องคลอด 1 ชม.แรกไม่เกิน 60 ml. ชม.ที่ 2 ไม่เกิน 30 ml.

4. แผลผ่าตัดไม่มีเลือดซึม

5. มารดาไม่มีอาการกระสับกระส่าย ใจสั่น ตัวเย็น หน้ามืด ฯลฯ

การพยาบาล

1. ติดตามวัด v/s 15 นาที 4 ครั้ง 30 นาที 2 ครั้งและทุก 1 ชม.จนกว่าจะ stable

2. ประเมินแผลผ่าตัดบริเวณหน้าท้อง

3. ประเมิน bleeding per vagina

4. ประเมินและสังเกตการหดรัดตัวของมดลูก

5. ดูแลให้มารดาถ่ายปัสาาวะใน 6-8 ชม.หลังคลอด

6. ดูแลให้ได้รับ 5%D/N/2 1,000 ml + synto 40 u vein drip rate 80 cc/hr.

7. ติดตามประเมิน Intake / Output

8. แนะนำมารดาและญาติสังเกตอาการผิดปกติ เช่น หน้ามือ ใจสั่น ตัวเย็น ฯลฯ

การประเมินผล

1. v/s T = 37 องศาเซลเซียส

R = 20 bpm.

P = 78 bpm.

BP = 120/70 mmHg.

2. บริเวณแผลผ่าตัดไม่มีเลือดซึม

3. มารดาไม่มีอาการกระสับกระส่ายใจสั่นตัวเย็น ฯลฯ

4. ยอดมดลูกกลมแข็งอยู่ระดับสะดือและลดวันละ 0.5 นิ้ว

5. bleeding per vagina ชม.ที่ 1 50 cc ชม.ที่ 2 30 cc

2. เสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตต่ำเนื่องจากได้รับการฉีดยาเข้าช่องน้ำไขสันหลัง

ข้อมูลสนับสนุน

O : - มารดา G2P2A0L2

- มารดา C/S ได้รับยาชาแบบ spinal block

- มารดามีอาการอ่อนเพลีย

- T 37 องศาเซลเซียส

P 82 bpm.

R 20 bpm.

BP 120/80 mmHg

วัตถุประสงค์

เพื่อป้องกันภาวะความดันโลหิตต่ำ

เกณฑ์การประเมิน

1.สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ BP = 90/60-120/80 mmHg. P = 60-100 ครั้ง/นาที R= 16-24 ครั้ง/นาที

T = 36.5-37.4 องศาเซลเซียส

2. มารดาไม่มีอาการอ่อนเพลีย หน้ามืด คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ฯลฯ

การพยาบาล

1. ติดตามวัด v/s 15 นาที 4 ครั้ง 30 นาที 2 ครั้งและทุก 1 ชม.จนกว่าจะ stable

2. ประเมินอาการชาบริเวณขา

3. ดูแลจัดท่านอนให้มารดานอนราบไม่หนุนหมอน 4-6 ชม.

4. แนะนำมารดาหากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ให้นอนตะแคง

5. ดูแลให้ได้รับ 0.9% NSS 1,000 ml vein drip rate 120 cc/hr.

การประเมินผล

1. v/s T = 37 องศาเซลเซียส

R = 20 bpm.

P = 78 bpm.

BP = 120/70 mmHg.

2. มารดาไม่มีอาการอ่อนเพลีย คลื่นไส้ หน้ามืด อาเจียน เวียนศีรษะ ฯลฯ

3. มารดาไม่สุขสบายเนื่องจากปวดแผลผ่าตัดบริเวณหน้าท้อง

ข้อมูลสนับสนุน

S : มารดาบอกปวดแผลผ่าตัด pain score = 6 คะแนน

O : มารดาG2P2A0L2

: มารดามีแผลผ่าตัดทางหน้าท้องแบบ midline incision

: มารดาแสดงสีหน้าแสดงความรู้สึกเจ็บปวด คิ้วขมวด

วัตถุประสงค์

เพื่อบรรเทาอาการปวดแผลผ่าตัดหลังคลอด

เกณฑ์การประเมิน

1. ระดับ pain score ลดลง

2. มารดามีสีหน้าสดชื่นขึ้น

3. มารดาสามารถขยับตัวได้มากขึ้น ทำกิจวัตรต่างๆด้วยตนเองได้

4. บริเวณแผลผ่าตัดไม่มีเลือดซึม

การพยาบาล

1. แนะนำมารดาฝึกการหายใจแบบ deep breathing เพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวด

2. แนะนำให้มารดากระดกปลายเท้าเพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือด

3. แนะนำให้มารดาประคองแผลไว้เมื่อมีอาการไอ

4. แนะนำมารดาทำกิจกรรมที่ตนเองชอบเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากอาการปวด เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง ฯลฯ

5. แนะนำให้มารดานอนในท่าที่สบายและไม่กดทับบริเวณแผล

6. ดูแลให้มารดาได้รับยาแก้ปวดตามแผนการรักษาคือ Ibuprofen 200 mg 2 tap.x 3 pc.

7. ประเมินและสังเกตอาการแสดงของความเจ็บปวด เช่น หน้านิ่วคิ้วขมวด

8. ดูแลประเมินบริเวณแผลผ่าตัดว่ามีเลือดซึมหรือไม่

การประเมินผล

1. ระดับ pain score = 4 คะแนน

2. มารดามีสีหน้าสดชื่นขึ้น

3.มารดาสามารถกระดกปลายเท้าได้และเดินเข้าห้องน้ำได้ด้วยตนเอง

4. บริเวณแผลผ่าตัดไม่มีเลือดซึม

อ้างอิง

จันทรรัตน์ เจริญสันติ.(2560). การพยาบาลและการผดุงครรภ์ : สตรีในระยะตั้งครรภ์(พิมพ์ครั้งที่ 1 ).

เขียงใหม่ : บริษัท สยามพิมพ์นานา จำกัด .

นันทพร แสนศิริพันธและฉวี เบาทรง.(2561). การพยาบาลและการผดุงครรภ์สตรีที่มีภาวะแทรกซ้อน

พิมพ์ครั้งที่ 2). เชียงใหม่ : บริษัท สมาร์ทโคตติ้ง แอนด์ เซอร์วิส.

มาลีวัล เลิศสาครศิริ.(2560). แนวคิดการพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะแทรกซ้อน(พิมพ์ครั้งที่ 1).

กรุงเทพ ฯ : โรงพิมพ์อัสสัมชัญ.

อ้างอิง

Learn more about creating dynamic, engaging presentations with Prezi