Loading…
Transcript

ปัญหาที่เทรดเดอร์

เจอในตลาด Forex

การทำกำไรในตลาด Forex ไม่ใช่เรื่องยาก...

หากเทรดเดอร์สามารถหากลยุทธ์ในการเทรดที่เหมาะสมกับตนเองรวมทั้งมีการวางแผนที่ดี เทรดเดอร์จะเข้าใจและทำกำไรในตลาด Forex ได้มากยิ่งขึ้น

หลักการทำ

กำไร

หลักการทำกำไร

เลือกระยะเวลาที่คุณต้องการ

เรียนรู้ Forex ให้มาก

จัดระเบียบการเทรดให้ดี

1

3

5

2

4

ทดลองเทรดบ่อย ๆ

ตามตลาดให้ทัน

หลักการทำกำไร

เรียนรู้การเปลี่ยนแปลง

ของกราฟ

ศึกษาเทคนิคต่าง ๆ ให้มาก

ซื้อ-ขาย ตามแนวโน้ม

10

6

8

7

9

หาจุดต่ำสุดและสูงสุดให้เจอ

ทำตามสัญญาณ

ตลอดเวลา

ปัญหาในการเทรด Forex

3. Swing Trading

ขาดความรู้และประสบการณ์

เช่น ไม่มีความรู้เบื้องต้นของข่าวที่มีผลกับกราฟ, ไม่รู้แนวโน้มและพฤติกรรมของราคา,

ขาดความรู้ในการวิเคราะห์กราฟทั้งทางเทคนิคและข่าวที่มีความสัมพันธ์กับตลาด

3. Swing Trading

ขาดความรู้และประสบการณ์

3. Swing Trading

ขาดความรู้และประสบการณ์

3. Swing Trading

ขาดความรู้และประสบการณ์

3. Swing Trading

ไม่รู้จังหวะในการเข้า

เทรดเดอร์บางท่านอาจจะยังมีประสบการณ์ไม่มากพอ มองแนวโน้มไม่ออก

จึงทำให้หาจังหวะในการซื้อ-ขาย ได้ไม่ดีพอ

ลง ?

ขึ้น?

3. Swing Trading

ไม่รู้จังหวะในการเข้า

3. Swing Trading

ไม่มีเป้าหมายในการเทรด

... % ต่อปี

... % ต่อเดือน

... % ต่อสัปดาห์

... % ต่อวัน

3. Swing Trading

ขาดวินัยในการลงทุน

เทรดเดอร์บางคนไม่ได้วางแผนหลักการ Money Management หรือการ Take Profit / Stop Loss

3. Swing Trading

ค้นหากลยุทธ์ใหม่ ๆ

บางคนมักจะหากลยุทธ์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เมื่อเห็นว่าคนอื่นใช้กลยุทธ์นี้แล้วได้ผล

3. Swing Trading

ค้นหากลยุทธ์ใหม่ ๆ

3. Swing Trading

Forex คือการพนัน

บางคนคิดว่าการเทรด Forex เป็นการพนันอย่างนึง จึงมักจะใช้การคาดเดามากกว่าการวิเคราะห์

ในการเทรดของเทรดเดอร์แต่ล่ะท่าน จะแตกต่างกันไปตามความถนัดที่ชอบ โดยกลยุทธ์แต่ละแบบอาจจะเหมาะสมกับเรา แต่อาจจะไม่เหมาะกับเทรดเดอร์ท่านอื่นก็ได้

ประเภทของ

การเทรดในตลาด Forex

1. Scalping

1. Sniper

คือ การเทรดเน้นทำกำไรแบบหาจังหวะเข้าที่แม่นยำ โดยการออก Lot จำนวนมาก

2. Day Trading

2. Day Trading

คือ กลยุทธ์การซื้อ-ขายที่เน้นทำกำไร ที่เทรดจบในวันเดียว ไม่ถือออเดอร์ข้ามคืน

3. Swing Trading

3. Swing Trading

คือ การเทรดทั้งระยะสั้นและระยะยาว ไม่ขึ้นกับระยะเวลา การถือยาวหรือสั้นจะขึ้นอยู่กับ Timeframe ที่ใช้ เนื่องจากจังหวะที่เทรด เหมาะกับสภาวะตลาดที่มีการแกว่งตัวรุนแรงหรือสภาวะตลาดที่เป็น Sideway ทักษะเรื่องการมองกราฟราคาให้ออกว่าอยู่ในแนวโน้มแบบใดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

3. Swing Trading

4. Trend Trading

คือ การเทรดตามเทรน สิ่งสำคัญของการใช้กลยุทธ์สไตล์นี้คือ การอ่านเทรนให้ขาด มองเทรนใหญ่เป็นหลัก พูดง่าย ๆ ก็คือ การอ่านเทรนสำคัญกว่าหาจังหวะเข้า และเราจะต้องปล่อยกำไรให้วิ่งไปจนสุดเทรน

1. Scalping

คำถาม

แล้วคุณล่ะ.... เป็นนักเทรดสไตล์ไหนกันบ้าง?

1. Scalping

รู้หรือไม่...

จริง ๆ แล้วกลยุทธ์การเทรดมีอยู่ 2 แบบ คือ

2. เทรดสวนเทรน

1. เทรดตามเทรน

ทำไมต้องใช้ RPG

ทำไมต้องใช้ RPG

บอกผลิตภัณฑ์ที่น่าเทรด

เพื่อให้คุณโฟกัสแค่ไม่กี่ผลิตภัณฑ์

เพื่อป้องกันการ overtrade

เข้าเทรดผลิตภัณฑ์ที่ได้เปรียบ

การได้ออเดอร์ในราคาที่ดีที่สุด ทำให้ได้กำไรมากขึ้น / ลดการขาดทุน ถ้าคุณเทรดต้นเทรนจะดีกว่าไหม?

1. ระบบ RPG จะบอกคะแนนคู่เงินที่น่าเทรดที่สุด

โดย RPG จะให้คะแนนในการจัดอันดับตั้งแต่ 1 - 10

1. บอกคะแนนคู่เงินที่น่าเทรดที่สุด

EURUSD

10

XAUUSD

9.5

USDJPY

8.5

2. ใช้ได้กับทุกผลิตภัณฑ์การเทรด

ที่มีอยู่ใน MT4

2. ใช้ได้กับทุกผลิตภัณฑ์์

3. ระบบ RPG จะบอกว่าควรเข้าออเดอร์

ฝั่งไหนที่ได้เปรียบมากที่สุด

3. เข้าฝั่งไหนถึงได้เปรียบ

BUY

SELL

4.ใช้ปัจจัยทางเทคนิคในมุมมองที่กว้าง

4.

ใช้ปัจจัยทาง

เทคนิค

5. มีฟังก์ชันในการจัดการออเดอร์ที่สะดวก

5. ฟังก์ชันการจัดการออเดอร์

6. คุณจะมั่นใจได้ว่าคุณได้ของที่ดีที่สุด

ในราคาที่เหมาะสม

BUY

SELL

6. มั่นใจว่าได้ของดี ราคาเหมาะสม

ขั้นตอนการทำงานของระบบ RPG

ขั้นตอนการ

ทำงานของ RPG

Trend Follower

Trend คืออะไร ?

แนวโน้ม Trend คือ ทิศทางการเคลื่อนที่ของราคา ประกอบด้วย 3 ทิศทาง

3. แนวโน้มด้านข้าง Sideway

2. แนวโน้มขาลง Down Trend

1. แนวโน้มขาขึ้น Up Trend

ทำไมต้องเทรดตาม Trend ?

การเทรดตามเทรนจะช่วยให้เทรดเดอร์มีโอกาสทำกำไรได้มากกว่าขาดทุน เพราะการเทรดในรูปแบบนี้ถือเป็นการเทรดตามแนวโน้มของราคา ซึ่งเกิดจากการซื้อ - ขาย ของเทรดเดอร์ในตลาด Forex

ความหมายของแต่ละเมนู

Score : จะบอกถึงคะแนนความน่าสวนแนวโน้มหลัก

โดยจะให้คะแนนตั้งแต่ 1 - 10

ความหมายของแต่ละเมนู

Order : จะบอกคำสั่งซื้อ - ขายที่แนะนำ

B = Buy

S = Sell

ความหมายของแต่ละเมนู

ตัวเลข 1 = แนวโน้มถูกต้องตาม Indicator

ตัวเลข 2 = แนวโน้มถูกต้องตาม Indicator และมี Momentum

ตัวเลข 3 = แนวโน้มถูกต้องตาม Indicator แน่ๆ และมี Momentum

และมี Volume ด้วย

ตัว V = มีปริมาณ Volume เข้ามาและเหนือค่าเฉลี่ย

ความหมายของแต่ละเมนู

Product : ผลิตภัณฑ์หรือคู่เงินที่น่าเทรดตามแนวโน้มหลัก

ความหมายของแต่ละเมนู

Change : การเปลี่ยนแปลง

คำนวณจากราคาปิดเมื่อวานกับราคาปัจจุบัน

ความหมายของแต่ละเมนู

Trend : แนวโน้มหลัก ณ การวิเคราะห์ปัจจุบัน

+1 = Up Trend

-1 = Down Trend

0 = Sideway

ความหมายของแต่ละเมนู

+1 = Up Trend (ราคาเหนือค่าเฉลี่ย 22 และ 69 วัน)

-1 = Down Trend (ราคาต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 22 และ 69 วัน)

0 = Sideway (ราคาอยู่ในกรอบค่าเฉลี่ย และยังไม่เลือกทิศทาง)

ความหมายของแต่ละเมนู

Momentum : แรงส่ง / แรงขับ

(ดูเงื่อนไขเดียวกับ Trend และดู Momentum

ในกรอบ 22 กับ 69 วัน)

ความหมายของแต่ละเมนู

+2 คือ มีแรงส่งขา Buy เข้ามาอย่างต่อเนื่อง (รุนแรง)

+1 คือ มีแรงส่งขา Buy เข้ามาเหนือค่าเฉลี่ย

0 คือ ไม่มีแรงส่ง

-1 คือ มีแรงส่งขา Sell เข้ามาเหนือค่าเฉลี่ย

-2 คือ มีแรงส่งขา Sell เข้ามาอย่างต่อเนื่อง (รุนแรง)

ความหมายของแต่ละเมนู

Vol : ปริมาณาณซื้อขาย ใช้ปริมาณซื้อขายในกรอบ

15 นาทีที่มากกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง

ความหมายของแต่ละเมนู

+1 คือ มีปริมาณซื้อเข้ามาเหนือค่าเฉลี่ย

0 คือ ปริมาณการซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ย

-1 คือ มีปริมาณขายเข้ามาเหนือค่าเฉลี่ย

ความหมายของแต่ละเมนู

S & P : ตำแหน่งปัจจุบันเมื่อเทียบกับ

เส้นแนวรับแนวต้านรายสัปดาห์

( 0 น้อยที่สุด , 7 มากที่สุด )

ความหมายของแต่ละเมนู

กรณี Sell

S0 ไม่น่า Sell เลย ราคาอยู่ต่ำกว่าแนวรับที่ 3 ถือว่าอยู่โซนล่างมากๆ

หาก Sell บริเวณนี้จะเสียเปรียบ หากต้อง Sell จริงๆ พยายามไม่ใส่ Lot เยอะ

S1 ราคาอยู่ระหว่างแนวรับที่ 2 และ 3 พยายามระวังเรื่อง Lot

S2 ราคาอยู่ระหว่างแนวรับที่ 1 และ 2 ราคาเริ่มแพงขึ้นสำหรับขา Sell

หากต้องการ Sell พยายามคุม Lot หน่อย

S3 ราคาอยู่ระหว่าง Pivot และแนวรับที่ 1 ราคาเริ่มมีความแพงในมุมมองฝั่ง Sell

บริเวณนี้เป็นต้นไปควรระวัง Sizing หน่อย

S4 ราคาอยู่ระหว่างแนวต้านที่ 1 และ Pivot มีความน่า Sell ตามแนวโน้ม

แต่ไม่ควรใส่ Position Size มาก

S5 ราคาอยุ่ระหว่างแนวต้านที่ 1 และ 2 มีความน่า Sell อยู่ เพราะราคายังอยู่เหนือเส้น Pivot

S6 ราคาอยู่ระหว่างแนวต้านที่ 2 และ 3 หากแนวโน้มขาลงก็ยังมีความน่า Sell อยู่พอสมควร

S7 ราคาอยู่สูงกว่าแนวต้านที่ 3 ถ้าแนวโน้มเป็นขาลงจะน่า Sell มาก ๆ

ความหมายของแต่ละเมนู

กรณี Buy

B0 ไม่น่า Buy เลย ราคาอยู่สูงกว่าแนวต้านที่ 3

B1 ราคาอยู่ระหว่างแนวต้านที่ 2 และ 3 หากจะหาจังหวะ Buy ให้ระวังเรื่อง Position Sizing ดี ๆ

B2 ราคาอยู่ระหว่างแนวรต้านที่ 1 และ 2 ราคาเริ่มขยับตัวสูงขึ้นให้ระวังเรื่อง Lot ดี ๆ

B3 ราคาอยู่ระหว่างแนวต้านที่ 1 และ Pivot คสรระวังเรื่อง Sizing บ้างแล้ว

เพราะราคาเริ่มขยับตัวมาเกินกรอบ Discount มากไปแล้ว

B4 ราคาอยู่ระหว่าง Pivot และแนวรับที่ 1 มีความน่า Buy เพราะราคายังอยู่ต่ำกว่า Pivot อยู่

B5 ราคาอยุ่ระหว่างแนวต้านที่ 1 และ 2 ราคาเริ่มขยับตัวขึ้น มีความน่า Buy อยู่พอสมควร

B6 ราคาอยู่ระหว่างแนวต้านที่ 2 และ 3 ยังอยู่ใน Zone ที่ราคาถูกมาก ๆ

B7 ราคาอยู่ต่ำกว่าแนวรับที่ 3 ถือเป็นบริเวณที่ราคาถูกมาก ๆ หาก Buy

บริเวณนี้จะมีความได้เปรียบเชิงราคาสูงมาก

Mean

Rever

Mean Reverse คืออะไร ?

การคาดการณ์ว่าราคาจะวกกลับไปสู่ค่าเฉลี่ยของมัน ซึ่งก็จะคล้ายกับการเทรดสวนเทรน

ความหมายของแต่ละเมนู

Score : จะบอกถึงคะแนนความน่าสวนแนวโน้มหลัก

โดยจะให้คะแนนตั้งแต่ 1 - 10

ความหมายของแต่ละเมนู

Order : จะบอกคำสั่งซื้อ - ขายที่แนะนำ

B = Buy

S = Sell

ความหมายของแต่ละเมนู

Product : ผลิตภัณฑ์หรือคู่เงินที่น่าเทรด

ความหมายของแต่ละเมนู

Change : การเปลี่ยนแปลง

คำนวณจากราคาปิดเมื่อวานกับราคาปัจจุบัน

ความหมายของแต่ละเมนู

Volatility : ความผันผวน

หรือ ระยะวิ่งโดยเฉลี่ย

ความหมายของแต่ละเมนู

Pos : ตำแหน่งปัจจุบันของราคาเมื่อเทียบกับ

High และ Low ในกรอบ 120 วัน

ความหมายของแต่ละเมนู

High หามาจากจุดสูงสุดของ 120 วัน (คิดเป็น Pos 100%)

Low หามาจากจุดต่ำสุดของ 120 วัน (คิดเป็น Pos 0 %)

เช่น ถ้า Pos = 50% แสดงว่าราคาปัจจุบันกำลังอยู่จุดกึ่งกลางระหว่าง High กับ Low

ความหมายของแต่ละเมนู

USDCHF,Daily

ความหมายของแต่ละเมนู

BB : Bolinger Band Position

เป็นการระบุตำแหน่งราคาปัจจุบันกับ BB

ความหมายของแต่ละเมนู

Upper Band คิดเป็นตำแหน่ง 100%

Lower Band คิดเป็นตำแหน่ง 0%

M Band คิดเป็นตำแหน่ง 50%

เช่น BB = 25% แสดงว่าราคาอยู่ด้านล่าง M Band เหนือ Lower Band

เช่น BB = -10% แสดงว่าราคากำลังทะลุกรอบ Lower Band ด้านล่างอยู่

คะแนนจะได้เยอะเมื่อราคาอยู่ใกล้ ๆ ขอบ Bolinger Band เพราะค่าเกิน 2SD

ความหมายของแต่ละเมนู

USDCHF,H4

ความหมายของแต่ละเมนู

Swap : ค่าธรรมเนียมการถือออเดอร์ข้ามคืน

VDO การเทรดด้วย RPG

VDO การเทรดด้วย RPG

Promotion

RPG

PROMOTION RPG

PROMOTION RPG

Live Trading

สัมมนา Live Trading

วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม 2563

สถานที่ : อาคารกรุงเทพประกันภัย ชั้น 19

เวลา : 18.00 - 20.00 น.