Introducing 

Prezi AI.

Your new presentation assistant.

Refine, enhance, and tailor your content, source relevant images, and edit visuals quicker than ever before.

Loading…
Transcript

ปรัชญาการศึกษา

5. สุนทรียศาสตร์

(Aesthetics)

สุนทรียศาสตร์ เป็นศัพท์คำใหม่ ที่บัญญัติขึ้นโดย โบมการ์เด็น ซึ่งก่อนหน้าที่เป็นเวลา 2000 กว่าปี รากศัพท์ภาษากรีก

Aisthetics หมายถึง ความรู้สึกทางการรับรู้ หรือการรับรู้ตามความรู้สึก (Sense perception)

สุทรียภาพ หรือ สุนทรีย์ เป็นความรู้สึกที่บริสุทธิ์ ี่เกิดขึ้นในห้วงเวลาหนึ่ง ลักษณะของอารมณ์

หรือความรู้สึกนั้นเราใช้ภาษาต่อไปนี้แทนความรู้สึกจริงๆ ของเรา ซึ่งได้ความหมายไม่เท่าที่เรารู้สึกจริงๆ เช่น

– พอใจ (interested) – ไม่พอใจ (disinterested) – เพลิดเพลินใจ (pleause) – ทุกข์ใจ (unpleasuse)

– กินใจ (empathy)

ประโยชน์ของวิชาสุนทรียศาสตร์

1. ส่งเสริมกระบวนการคิด

การตัดสินความงามอย่างสมเหตุสมผล

2. ช่วยกล่อมกลมให้เป็นผู้มีจิตใจอ่อนโยน

3. เสริมสร้างประสบการณ์สุนทรียะให้กว้างขวาง

4. ส่งเริมแนวทางในการแสวงหาความสุข

5. ส่งเสริมให้เห็นความสำคัญของสรรพสิ่ง

ตรรกวิทยาเป็นสาขาหนึ่งของปรัชญาบริสุทธิ์ ที่ว่าด้วยเรื่องของเหตุผลและกฎเกณฑ์การใช้เหตุผล นักปรัชญาให้ความสำคัญกับตรรกวิทยาในฐานะที่เป็น

เครื่องมือของปรัชญาหรือเป็นประตูนำเข้าสู่วิชาปรัชญา เพราะการศึกษาปรัชญาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้จำเป็นต้องเข้าใจเหตุผลและรู้กฎเกณฑ์การใช้เหตุผลเสียก่อน เหตุผลในความหมายของตรรกวิทยา หมายถึง หลักฐานที่สนับสนุนหรือยืนยันให้เราเชื่อว่า ข้อสรุปของเราเป็นจริง เชื่อถือได้ ซึ่งการอ้างหลักฐานเพื่อยืนยันให้เรามั่นใจว่าข้อสรุปเป็นจริง เชื่อถือได้เรียกว่า การอ้างเหตุผล

ปรัชญาการศึกษาที่สำคัญ

1. ปรัชญาสารนิยม หรือสารัตถนิยม (Essentialism)

2. ปรัชญาสาขาสัจวิทยานิยม หรือสัจนิยมวิทยา หรือนิรันตรนิยม

(Perenialism)

3. ปรัชญาพิพัฒนาการนิยม หรือพิพัฒนนิยม หรือวิวัฒนาการนิยม

(Progressivism)

4. ปรัชญาสาขาปฏิรูปนิยม (Reconstructionism)

5. ปรัชญาสาขาอัตถิภาวนิยม หรืออัตนิยม หรือสวภาพนิยม

(Existentialism)

บทบาทของนักปรัชญาการศึกษา

1. อธิบายถึงสภาพการณ์ของการศึกษาว่าอยู่ในสภาพอย่างไร

2. วิจารณ์ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติของการศึกษาว่า

มีความเหมาะสมมากน้อยเพียงไร

3. เปรียบเทียบแนวความเชื่อของตนกับแนวการจัดการศึกษาว่า

แตกต่างกันอย่างไร โดยอาศัยการวิเคราะห์

วิจารณ์จากความคิดเห็นของบุคคลที่เกี่ยวข้อง

4. เกิดความริเริ่มสร้างสรรค์ในการพัฒนาการศึกษาให้ดีขึ้น

หรือกำหนดแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกับการจัดการศึกษา

ความหมายปรัชญกาการศึกษา

ปรัชญาการศึกษา คือ แนวความคิด หลักการ และกฎเกณฑ์ ในการกำหนดแนวทาง ในการจัดการศึกษา ซึ่งนักการศึกษา ได้ยึดเป็นหลักในการดำเนินการทางการศึกษาเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย นอกจากนี้ปรัชญาการศึกษายังพยายาม ทำการ วิเคราะห์และทำความเข้าใจเกี่ยวกับการศึกษา ทำให้สามารถมองเห็นปัญหาของการศึกษาได้อย่างชัดเจน ปรัชญา การศึกษาจึงเปรียบเหมือนเข็มทิศนำทางให้นักการศึกษาดำเนินการทางศึกษาอย่างเป็นระบบชัดเจน และสมเหตุสมผล

ปรัชญาสารนิยมหรือสารัตถนิยมตามแนวสัจนิยม เชื่อว่า การศึกษาเป็นเครื่องมือ ในการถ่ายทอดความรู้

และความจริงทางธรรมชาติเกี่ยวกับการดำรงชีวิตของมนุษย์ ดังนั้น หลักสูตรการศึกษาจึงควรประกอบไปด้วย ความรู้ ความจริง และการแสวงหาความรู้เกี่ยวกับกฎเกณฑ์และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่างๆ การจัดการเรียนการสอน

ตามความเชื่อนี้จึงเน้นการให้ผู้เรียนแสวงหาข้อมูล ข้อเท็จจริง และการสรุปกฎเกณฑ์จากข้อมูลข้อเท็จจริงเหล่านั้น

ปรัชญาสารนิยม หรือสารัตถนิยม (Essentialism)

ปรัชญา Philosophy

การเรียนการสอนเน้นเนื้อหาวิชา การเชื่อฟังครู ทำให้ผู้เรียนขาดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ขาดความเป็นตัวของตัวเอง

ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการปกครองระบบประชาธิปไตย การสอนเน้นความจำทำให้นักเรียนไม่มีความคิดก้าวหน้า มีแต่ความรู้ในทางทฤษฎีที่นำไป ปฏิบัติได้ยาก การยึดถือมรดกวัฒนธรรมเกินไปทำให้ผู้เรียนขาดอิสรภาพ

และความมีเหตุผล และการกำหนดจุดมุ่งหมายของการศึกษาไว้แน่นอนตายตัว

ย่อมขัดกับหลักการวิจัยที่ว่าความรู้และวิทยาการต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ใน 8 – 10 ปี

2. ญาณวิทยา

(Epistemology)

ทฤษฎีความรู้ (Theory of Knowledge) เป็นวิชาที่ศึกษาค้นคว้า

หาความรู้ ธรรมชาติและเหตุแห่งความรู้ ที่แท้จริง ซึ่งเป็นการศึกษา ถึงรายละเอียดของความรู้ทั้งหมด เพื่อให้เห็นความเป็นไป และตัดสินได้ว่า อะไรเป็นความจริงแท้ ซึ่งเกิดจากความรู้ที่แท้จริง เป็นการศึกษาสภาพทั่วๆ

ไปของความรู้อย่างกว้างๆ

ปัญหาสำคัญเกี่ยวกับความรู้ของมนุษย์มีอยู่ 4 ประเด็นคือ 1. ธรรมชาติของความรู้ : ความรู้มีลักษณะอย่างไร

2. ต้นกำเนิดของความรู้ : มนุษย์ได้ความรู้มาอย่างไร

3. ขอบเขตของความรู้ : ความรู้มีขอบเขตเพียงใด และ

4. ความสมเหตุสมผลของความรู้ : เกณฑ์ตรวจสอบความรู้ว่า ตรงกับความจริงหรือไม่

การศึกษาจะช่วยพัฒนาเด็กไปในทางที่ดี การพัฒนาหมายถึงการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นการจะยึดอะไรเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นทางด้านความรู้ หรือความเชื่อ ย่อมเป็นการถ่วงพัฒนาการ หรือการเปลี่ยนแปลงของเด็ก เน้นใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาตัวผู้เรียนแทน โดยเน้นว่าผู้เรียนควรเข้าใจและ ตระหนักในตนเอง (Self-realization) ในการที่คนเราจะไปได้นั้น จำต้องรู้เสียก่อนว่าตนเองมีความสนใจอะไร หรือตนเองมีปัญหาอะไร ความสนใจ และปัญหานี้เองที่ใช้เป็นหลักยึดในการจัดการศึกษา ซึ่งการที่เด็กจะพัฒนาได้นั้นต้องเกิดจากการพยายามแก้ปัญหา และสนองความสนใจของตนเอง ลักษณะดังกล่าวทำให้เกิดวิธีการในการพัฒนาหลักสูตร และการสอนแบบเน้นเด็กเป็นศูนย์กลาง

นักการศึกษาหลายคนกล่าวว่าปรัชญาสาขานี้ทำให้เด็กมีความรู้ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ขาดระเบียบวินัย ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม และทำให้เด็กขาด ทัศนคติที่จะอนุรักษ์สถาบันใดๆ ของสังคมไว้ต่อไป ทำให้การศึกษาด้อยในคุณภาพ โดยเฉพาะการพัฒนาทางด้านสติปัญญา การสอนที่เน้นความต้องการ

และความสนใจของเด็กนั้น เด็กส่วนมากยังขาดวุฒิภาวะ พอที่จะรู้ความสนใจของตนเอง ธรรมชาติของเด็กชอบเล่นมากกว่าชอบเรียน การจัดหลักสูตร

ให้สนองความต้องการ และความสนใจของผู้เรียนทั้งหมดเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ความสนใจและความต้องการบางอย่างของผู้เรียน อาจจะไม่มีประโยชน์ ในชีวิตการเรียนการสอนที่เน้นการปรับตัวของนักเรียนให้เข้ากับสังคม และสิ่งแวดล้อมอาจทำให้สูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง

ปรัชญาพิพัฒนาการนิยม หรือพิพัฒนนิยม หรือวิวัฒนาการนิยม (Progressivism)

ปรัชญาบริสุทธิ์ (Pure Philosophy)

วิชาที่ว่าด้วยความเป็นจริง แบ่งออกเป็น 5 สาขา

4. ตรรกวิทยา

หรือตรรกศาสตร์ (Logic)

1. อภิปรัชญา (Metaphysics)

2. ญาณวิทยา หรือทฤษฎีความรู้

(Epistemology or Theory of Knowledge)

3. จริยศาสตร์ หรือจริยปรัชญา

(Ethics or Ethical Philisophy)

4. ตรรกวิทยา หรือตรรกศาสตร์ (Logic)

5. สุนทรียศาสตร์ (Aesthetics)

1. อภิปรัชญาหรือภววิทยาว่าด้วยธรรมชาติ

ศึกษาเรื่องเอกภพหรือธรรมชาติ ซึ่งรวมไปถึงเรื่องของอวกาศ

กาล สสาร ความเป็นเหตุและผล ชีวิต วิวัฒนาการ ความเป็นไปแบบเครื่องจักรกลของเอกภพ

และความเป็นไปแบบมีวัตถุประสงค์

ตรรกวิทยา (Logic) มาจากรากศัพท์ ในภาษากรีกว่า “Logos” และความหมายของคำว่า logos ตามรากศัพท์เดิมในภาษากรีก

หมายถึง คำพูด การพูด เหตุผล สมมุติฐาน สุนทรพจน์ คำกรีกที่มีรากศัพท์มาจาก logos

2. อภิปรัชญาหรือภววิทยาว่าด้วยจิต หรือวิญญาณ

ศึกษาเรื่องธรรมชาติของวิญญาณ กำเนิดของวิญญาณ จุดหมายปลายทางของวิญญาณ และความสัมพันธ์ระหว่าง

วิญญาณกับร่างกาย

3. อภิปรัชญาหรือภววิทยาว่าด้วยพระเจ้า

หรือสิ่งสัมบูรณ์ ศึกษาเรื่องธรรมชาติของพระเจ้า คุณลักษณะของพระเจ้า ความสัมพันธ์ระหว่าง

พระเจ้ากับเอกภพ และกับวิญญาณ

ขอบข่ายของตรรกวิทยา

เหตุผล คือหลักฐานที่สนับสนุนหรือยืนยันให้เราเชื่อว่า ข้อสรุปของเราเป็นจริง เชื่อถือได้ เหตุผลอยู่ในความคิด

หรือในสมองที่คิด แสดงออกโดยใช้ภาษา

การอ้างเหตุผล คือการอ้างหลักฐานเพื่อยืนยันให้เรามั่นใจว่า ข้อสรุปเป็นจริง การอ้างเหตุผลมี 2 แบบ คือการอ้างเหตุผลแบบนิรนัย

และการอ้างเหตุผลแบบอุปนัย

1. ปรัชญาสารนิยม หรือสารัตถนิยม (Essentialism)

เป็นปรัชญาที่เชื่อว่า การศึกษาเป็นเครื่องมือในการถ่ายทอดความรู้ความจริงทางธรรมชาติ

2. ปรัชญาสาขาสัจวิทยานิยม หรือสัจนิยมวิทยา หรือนิรันตรนิยม (Perenialism)

เป็นปรัชญาที่เชื่อว่าโลกนี้มีบางสิ่งที่มีคุณค่าถาวร ไม่เปลี่ยนแปลงที่เราควร

อนุรักษ์และถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังต่อไป

3. ปรัชญาพิพัฒนาการนิยม หรือพิพัฒนนิยม หรือวิวัฒนาการนิยม (Progressivism)

เป็นปรัชญาที่มีความเชื่อว่าการดำรงชีวิตที่ดี ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของการคิดที่ดีและการกระทำที่เหมาะสม

4. ปรัชญาสาขาปฏิรูปนิยม (Reconstructionism)

เป็นปรัชญาที่เชื่อว่า การปฏิรูปสังคม เป็นหน้าที่ของสมาชิกของคนในสังคม

ทุกคน และการศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมได้

5. ปรัชญาสาขาอัตถิภาวนิยม หรืออัตนิยม หรือสวภาพนิยม (Existentialism)

เป็นปรัชญาที่เชื่อในความมีอยู่เป็นอยู่ของมนุษย์ มนุษย์แต่ละคนจะต้องกำหนดหรือแสวงหาสาระสำคัญ (Essence) ด้วยตนเอง

ความหมายของปรัชญา (Meanings of Philosophy)

ปรัชญา คำว่า “ปรัชญา” เป็นศัพท์ที่พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ (พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร) ทรงบัญญัติขึ้นเพื่อใช้คู่กับคำภาษาอังกฤษว่า “Philosophy” เป็นคำมาจากรากศัพท์ภาษาสันสกฤต 2 คำคือ

1. ปฺร : ประเสริฐ

2. ชฺญา : ความรู้, รู้, เข้าใจ

ชฺญา

+

ปร

ปรัชญา

รู้, เข้าใจ

รอบ,ประเสริฐ

ความรู้อันประเสริฐ ความรอบรู้ หรือความรู้ขั้นสูง

(ความหมายเน้นไปที่ความรู้ ผู้รู้

SOPHIA

+

pHILOS

Philosophy

ความรู้

ความรัก, ความสนใจ

ความรักในความรู้ หรือความรักในปัญญา (The Love of Wisdom)

(ความหมาย เน้นกระบวนการแสวงหาความรู้เสมอ)

เมื่อรวมกันแล้ว เป็น “ปฺรชฺญา” (ปรัชญา) แปลว่า ความรู้อันประเสริฐ

สาขาของปรัชญาที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป จึงมี 3 สาขาใหญ่ ๆ คือ

1. อภิปรัชญา (Metaphysics) หรือภววิทยา (Ontology)

1. อภิปรัชญา (Metaphysics) หรือภววิทยา (Ontology) อภิปรัชญา (Metaphysics) เป็นวิชาที่ว่าด้วยความแท้จริงของสรรพสิ่ง

เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ภววิทยา (Ontology)

มีขอบข่ายในการศึกษา 3 เรื่องคือ

1. อภิปรัชญาหรือภววิทยาว่าด้วยธรรมชาติ

2. อภิปรัชญาหรือภววิทยาว่าด้วยจิต

3. อภิปรัชญาหรือภววิทยาว่าด้วยพระเจ้า

2. ญาณวิทยา (Epistemology)

2. ญาณวิทยา (Epistemology) คือทฤษฎีความรู้ (Theory of Knowledge) เป็นวิชาที่ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ ธรรมชาติ และเหตุแห่งความรู้ที่แท้จริง ต่างก็พยายามที่จะอธิบาย หรือตอบปัญหาเกี่ยวกับ

1. ความรู้คืออะไร มีลักษณะเป็นอย่างไร

2. ความรู้เกิดขึ้นได้อย่างไร 3. จะสร้างความรู้ได้อย่างไร 4. อะไรคือสิ่งที่เราสามารถรู้ได้ และรู้ได้มากน้อยเพียงไร

5. อะไรคือเงื่อนไข เหตุปัจจัย หรือแหล่งให้เกิดความรู้ได้

6. ความรู้ที่ได้มานั้นเป็นจริงหรือไม่ หากความรู้นั้นเป็นจริง ถูกต้อง เราสามารถทดสอบความรู้นั้นได้อย่างไร หรือมีมาตรการ ในการทดสอบได้อย่างไร

3. คุณวิทยา (Axiology)

3. คุณวิทยา (Axiology) แบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือ

1. จริยศาสตร์ (Ethics) เป็นวิชาที่ว่าด้วยหลักแห่งความประพฤติ กล่าวถึงความดี ความชั่ว การตัดสินความดีความชั่ว เป็นการแสวงหาความดีอันสูงสุด

2. สุนทรียศาสตร์ (Aesthetics) เป็นวิชาที่ว่าด้วยความดี หลักการตัดสินความงาม องค์ประกอบของความงาม เป็นเรื่องเกี่ยวกับศิลปะ เป็นการแสวงหาความงามอันสูงสุด

3. ตรรกศาสตร์ (Logic) เป็นวิชาที่ว่าด้วยการให้เหตุผล การนิยามความหมายอันแท้จริง เป็นการแสวงหาความจริงอันสูงสุด อันประกอบด้วยอุปนัย และนิรนัย

4. เทววิทยา (Theology) เป็นเรื่องของความบริสุทธิ์ทางจิตใจ กล่าวคือหลักคำสอนทางด้านศาสนา

สรุป ปรัชญาการศึกษา

การศึกษาจึงควรเน้นการพัฒนาความมีเหตุผล และการใช้เหตุผล มนุษย์จำเป็นต้องใช้เหตุผลในการดำรงชีวิต

และควบคุมกำกับตนเอง มิใช่นึกจะทำอะไรก็ทำได้ตามใจชอบ การศึกษาเป็นการเตรียมตัวเพื่อชีวิต เป็นสิ่งที่ช่วยให้มนุษย์

ปรับตัวให้เข้ากับความจริงแท้แน่นอน ถาวรไม่เปลี่ยนแปลง มิใช่เป็นการปรับตัวให้เข้ากับโลกแห่งวัตถุ ซึ่งไม่ใช่ความจริงแท้ ดังนั้นเด็กๆ ควรได้รับการสอนวิชาพื้นฐานต่างๆ ที่สามารถช่วยให้เขาได้รู้จักและเรียนรู้ความเป็นจริงที่เป็นสัจธรรม

ไม่เปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านกายภาพ และจิตใจ และวิชาหรือเนื้อหาสาระที่เป็นความจริงแท้ แน่นอน ไม่เปลี่ยนแปลง ที่เด็กควรจะได้ศึกษาเล่าเรียนคือ “Great Books”ซึ่งประกอบด้วย ศาสนา วรรณคดี ปรัชญา ประวัติศาสตร์ ตรรกศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาและดนตรี

ปรัชญาสาขาสัจวิทยานิยม หรือสัจนิยมวิทยา หรือนิรันตรนิยม

หรือนิรันดรนิยม (Perenialism)

1. อภิปรัชญา

(Metaphysics)

จากรากศัพท์ภาษาสันสกฤต 3 คำคือ

1. อภิ : ยิ่ง 2. ปฺร : ประเสริฐ 3. ชฺญา : ความรู้, รู้, เข้าใจ

เป็นวิชาที่ว่าด้วยความแท้จริงของสรรพสิ่ง เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า

ภววิทยา (Ontology)

การที่ถือว่านักเรียนทุกคนเหมือนกันเป็นการขัดกับหลักจิตวิทยาในเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคล การเรียนที่ถือเอาครูเป็นศูนย์กลางจะทำให้ผู้เรียนขาดความคิดริเริ่ม ขาดลักษณะผู้นำ เป็นการฝึกนักเรียนให้เป็นผู้ตาม นักเรียนน่าจะได้เรียนตามความสามารถและความถนัดของตน ไม่ใช่บังคับให้ทุกคนเรียนเหมือนกันหมด การวัดผลที่เน้นความจำจะนำความรู้ไปใช้ได้น้อย

ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยความมีอยู่ ความเป็นอยู่ของสรรพสิ่ง

โดยทั่วไปแล้วถือว่า สิ่งที่มีอยู่ย่อมเป็นสิ่งแท้จริง และสิ่งแท้จริงย่อมมีอยู่ ความมีอยู่ กับความแท้จริงจึงเป็นอันเดียวกัน ดังนั้น ทั้ง 2 คำ

จึงเป็นอันเดียวกันต่างแต่ว่า Ontology ใช้มาก่อน Metaphysics

ใช้ทีหลังอภิปรัชญาหรือภววิทยา

มีขอบข่ายในการศึกษา 3 เรื่องคือ

ประโยชน์ของจริยศาสตร์

ปรัชญาสาขานี้มีความเชื่อพื้นฐานเกี่ยวกับผู้เรียน ครู หลักสูตร กระบวนการเรียนการสอน ตลอดทั้งลักษณะของการ

จัดการศึกษา เหมือนกับปรัชญาการศึกษาสาขาพิพัฒนาการนิยมเว้นแต่ในเป้าหมายของสังคมเท่านั้นที่แตกต่างกัน

1. ทำให้รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรถูก อะไรผิด สามารถเลือก ปฏิบัติในทางที่ถูกที่ควร

2. ทำให้รู้ทางดำเนินชีวิตทั้งในส่วนตัวและสังคม

3. ทำให้เข้าใจกฎความจริงของชีวิต เป็นสิ่งที่ชีวิตต้องการ ทำให้ชีวิตสมบูรณ์ การศึกษาจริยธรรมจึงเป็นการศึกษาถึงกฎธรรมชาติให้รู้ว่าชีวิตที่แท้จริง

คืออะไรต้องการอะไร

4. การประพฤติหลักจริยธรรมเป็นการพัฒนาสิ่งมีชีวิตให้สูงขึ้นเรียกว่ามีวัฒนธรรม

ทำให้ชีวิตมนุษย์เป็นชีวิตที่ประเสริฐกว่าสัตว์ถ้าขาดด้านจริยธรรมแล้ว

คนไม่ต่างจากสัตว์แต่อย่างใด

5. ทำให้รู้จักค่าของชีวิตว่า ค่าของชีวิตอยู่ที่ไหน ทำอย่างไร ชีวิตจะมีค่าและก็เลือกทางที่ดีมีค่าชีวิตก็มีค่าตามที่ต้องการ

ปรัชญาสาขาปฏิรูปนิยม (Reconstructionism)

การจัดหลักสูตรตามแนวของปฏิรูปนิยม จึงเน้นเนื้อหาสาระและวิธีการที่จะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้

ถึงความรับผิดชอบที่จะปฏิรูป และสร้างสังคมใหม่ที่ดีกว่าขึ้นมา ทั้งในระดับชุมชน ประเทศและระดับโลกในที่สุด

ความมุ่งหมายของหลักสูตรจะเน้นการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ความสามารถและทัศนคติที่จะออกไปปฏิรูป

สังคมให้ดีขึ้นเนื้อหาวิชาและประสบการณ์ที่เลือกมาบรรจุในหลักสูตรจะเกี่ยวกับสภาพและปัญหาของสังคมเป็นส่วนใหญ่เนื้อหาวิชาเหล่านี้จะเน้นหนักในหมวดสังคมศึกษา เพราะปรัชญานี้เชื่อว่า การปฏิรูปสังคม หรือ

การพัฒนาสังคมให้ดีขึ้น โดยกระบวนการช่วยกันแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม การจัดระเบียบของสังคม การอยู่ร่วมกันของคนในสังคม และการส่งเสริมประชาธิปไตย เป็นหน้าที่ของสมาชิกในสังคม และการศึกษา

เป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมได้

นักปรัชญาตะวันตกกล่าวถึงที่มาหรือ

บ่อเกิดของความรู้ไว้ 3 ทาง คือ

1. ผัสสะ (Sensation) คือ ความรู้ที่เกิดจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ การเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การรู้รส และการสัมผัส

2. เหตุผล (Reason) คือ ความรู้ที่เกิดจากการคิดตามหลักเหตุผลในใจ หรือรู้โดยอ้างสิ่งที่แน่ใจมากกว่ามาสนับสนุน

3. อัชฌัตติกญาณ (Intuition) คือ ความรู้ที่ผุดขึ้นในใจโดยตรง

แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ อัชฌัตติกญาณระดับสามัญ และอัชฌัตติกญาณระดับอุตระ (Transcendental Intuition) ถ้าเป็นความรู้จากญาณวิเศษเรียกว่า “การตรัสรู้” (Enlightenment) ถ้าเป็นความรู้ที่ได้จากการดลใจของพระเจ้าก็เรียกว่า “วิวรณ์” (Revelation)

ปรัชญาสาขาอัตถิภาวนิยม หรืออัตนิยม

หรือสวภาพนิยม (Existentialism)

ปรัชญานี้ให้ความสนใจที่ตัวบุคคล หรือความเป็นอยู่ มีอยู่ของมนุษย์ ซึ่งมักถูกละเลย ซึ่งพวกเขา มีความคิดเห็นว่าสภาวะโลกปัจจุบันนี้มีสรรพสิ่งทางเลือกมากมายเกินความสามารถที่มนุษย์เราจะเรียนรู้ จะศึกษา และจะมีประสบการณ์ได้ทั่วถึง ฉะนั้นมนุษย์เราควรจะมีสิทธิ์หรือโอกาสที่จะเลือกสรรพสิ่งต่างๆ ด้วยตัวของตัวเอง มากกว่าที่จะให้ใครมาป้อนหรือมอบให้ เป้าหมายของสังคมนั้นต้องมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้คนเรามีอิสรภาพ และมีความรับผิดชอบ และสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราพยายามเปิดโอกาสหรือยอมให้ผู้เรียนมีสิทธิเสรีภาพ ที่จะเป็นผู้เลือกเอง ครูเป็นเพียงผู้กระตุ้น และปรัชญานี้มีความเชื่อว่า ธรรมชาติของคนก็ดี สภาพแวดล้อม ทางสังคมก็ดีเป็นสิ่งที่ไม่ตายตัว คนแต่ละคนสามารถกำหนดชีวิตของตนเองได้ เพราะมีอิสระในการเลือก ทุกสิ่งทุกอย่างไม่อยู่คงที่แต่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเพราะเชื่อว่าความจริง (Truth) เป็นเรื่องนามธรรมที่ไม่มีคำตอบ สำเร็จรูปให้ สาระความจริงก็คือ ความมีอยู่เป็นอยู่ของมนุษย์ (existence) ซึ่งมนุษย์แต่ละคนจะต้องกำหนด หรือแสวงหาสาระสำคัญ (essence) ด้วยตนเอง โดยการเผชิญกับสถานการณ์ที่เรียกว่า “existential situation”ซึ่งบุคคลแต่ละคนมีเสรีภาพที่จะเลือกและตัดสินใจด้วยตนเอง

3. จริยศาสตร์ หรือจริยปรัชญา

(Ethics or Ethical Philisophy)

ตามหลักอักษรศาสตร์คำว่า จริยศาสตร์ มาจากภาษาสันสฤต

ว่า จริย+ศาสตร์ แปลว่า ความประพฤติ

ศาสตร์ แปลว่า ความรู้

จริยศาสตร์ แปลว่า ความรู้ที่ควร หมายถึง อุปนิสัยหรือหลักของการประพฤติ ตรงกับภาษาอังกฤษว่า (Ethics) หมายถึง ศาสตร์ที่ว่าด้วยหลักศีลธรรมกฎที่ว่าด้วย

ประพฤติกรรมของมนุษย์

Learn more about creating dynamic, engaging presentations with Prezi