Introducing 

Prezi AI.

Your new presentation assistant.

Refine, enhance, and tailor your content, source relevant images, and edit visuals quicker than ever before.

Loading…
Transcript

จงกล่าวถึงกระบวนการจัดการดังต่อไปนี้

POCCC, POSDCoRB, POSDC, POSDCIR, และ PODC

บทที่4

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดการ

POCCC

การจัดการมีอยู่ 5 ประการ คือ

POCCC อ่านว่า พ็อกซีซี

P

O

C

Plan การวางแผน คือ การศึกษาอนาคตและความต้องการ

Command การบังคับบัญชา คือ การบังคับบัญชาสั่งการให้คน งานทำงานตามหน้าที่

Organize การจัดหน่วยงาน คือ การจัดแบ่งหน่วยงานออกเป็นแผนก

Coordinateการประสานงาน คือ การประวานหน่วยงานย่อยๆให้ดำเนินไปตามเป้าหมาย

Control การควบคุม คือ การควบคุมดูแลให้มีการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ

C

POSDCoRB

POSDCoRB กระบวนการบริการ 7 ประการ

P = Planning หมายถึง การจัดวางโครงสร้างและแผนปฏิบัติ

O = Organizing หมายถึง การจัดหน่วย การกำหนดโครงสร้างของหน่วยงาน

S = Staffing หมายถึง การจัดตัวบุคคล การบริการงานด้านบุคคล

D = Directing หมายถึง การอำนวย การวินิจฉัยสั่งการ การควบคุมบังคับบัญชา และการควบคุมการปฏิบัติงาน

Co = Coordinating หมายถึง การประสานงานด้านต่างๆของหน่วยงาน

R = Reporting หมายถึง การรายงานผลของหน่วยงานให้แก่ผู้บริหาร

B = Budgeting หมายถึง การงบประมาณ การจัดทำงบประมาณ บัญชีการใช้จ่ายเงิน การควบคุมและตรวจสอบด้านการเงิน

POSDC

POSDC มี 5 ขั้นตอน

กระบวนการจัดการของคูนตซ์

Planning

การวางแผน

Organizing

การจัดองค์การ

Staffing

การจัดคนเข้าทำงาน

Controlling

การควบคุมการทำงาน

Directing

การอำนวยการ

POSDCIR กระบวนการจัดการของเออร์เนสต์ เดล เขาเห็นพ้องกับคูนตซ์ จึงได้เพิ่ม เข้ามา 2 ขั้นตอน คือ (IR)

POSDCIR

คือ

I = Innovation การสร้างสรรค์สิ่งใหม่

R = Representation การเป็นตัวแทนขององค์การ

กระบวนการจัดการตามแนวความคิดปัจจุบัน

PODC

มี 4 ขั้นตอน คือ PODC

P = Planning การวางแผนงาน

O = Organizing การจัดองค์การ

D = Directing การอำนวยการหรือการชี้นำ

C = Controlling การควบคุติดตามผลการทำงาน

บทที่ 5

การวางแผน

การวางแผนการขายมีวิธีอย่างไร จงอภิปลายและยกตัวอย่าง

5 ขั้นตอน

การเตรียมการก่อนการวางแผน

ขั้นตอนที่ 1

-การจัดตั้งหน่วยงานหรือกลุ่มบุคคลขึ้นเพื่อรับผิดชอบ

-กำหนดวิธีการวางแผน

-การรวบรวมข้อมูลต่างๆ

ขั้นตอนที่ 2

การวิเคราะห์ข้อมูลและปัญหา

ศึกษางานที่ปฏิบัติมาแล้วว่ามีปัญหาอะไร ด้านใดที่จะต้องแก้ไขให้อยู่ในสภาพที่พึงประสงค์

ขั้นตอนที่ 3

การกำหหนดแผนงานและโครงการต่างๆ

การเขียนเป็นแผนซึ่งประกอบด้วย

- แผนงาน คือการจัดรวมงานที่มีลักษณะเดียวกันหรือมีวัตถุประสงค์เหมือนกันเข้าไว้ด้วยกัน เช่น แผนการผลิต แผนงานการตลาด เป็นต้น

- โครงการ คือการปฏิบัติเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของแผนงานที่กำหนดไว้ในโครงการหนึ่งๆจะระบุรายละเอียดของกิจกรรมที่ต้องปฏิบัติมีอะไรบ้าง

- กิจกรรม ในแต่ละโครงการอาจจะมีกิจกรรมที่ต้องกระทำหนึ่งกิจกรรมหรือมากกว่าหนึ่งกิจกรรมก็ได้

การปฏิบัติตามแผน

ขั้นตอนที่ 4

การนำแผนออกปฏิบัติ ซึ่งต้องใช้กระบวนการบริหารต่างๆ ได้แก่ การจัดระบบงาน การจัดวางตัวบุคคล การอำนวยการสั่งการ การตรวจนิเทศ การตรวจคุมงาน เป็นต้น

หลักทั่วไปในการนำแผนออกปฏิบัติมีดังนี้

1. หัวหน้างานและผู้ปฏิบัติต้องศึกษาแผนให้เข้าใจ

2. หัวหน้างานต้องแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบให้ผู้ปฏิบัติอย่างชัดเจน

3. จะต้องมีการประสานงานระหว่างหน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องให้งานสัมพันธ์ต่อเนื่องกันไป

4. จัดให้มีการควบคุมการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแผน

5. รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามแผน

การประเมินผล

ขั้นตอนที่ 5

การดำเนินการตามแผนไประยะหนึ่งควรมีการตรวจสอบประเมินผลงาน เพื่อให้รู้จุดอ่อน จุดแข็ง ข้อบกพร่อง อุปสรรต่างๆ จะได้แก้ไขปรับปรุงแผนให้ดีต่อไป

หลักการทั่วไปที่ใช้เป็นแนวทางในการประเมินผลมีดังนี้

1. ศึกษาเป้าหมายของแผนให้เข้าใจ

2. เลือกวิธีการประเมินที่เหมาะสม

3. รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามแผน

4. เปรียบเทียบผลที่ได้กับจุดประสงค์ เป้าหมาย

5. รายงานการประเมินผลต่อผู้บริหารหรือผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้อง

จงกล่าวถึงองค์การธุรกิจแบบห้างหุ้น

ส่วนและบริษัทในหัวข้อต่อไปนี้

ลักษณะสำคัญ การก่อตั้ง และการยกเลิก

บทที่ 6

การจัดองค์การ

ลักษณะ

สำคัญ

ลักษณะสำคัญ

1. เป็นสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป

2. มีการลงทุนร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเงินสด ที่ดิน อาคาร อุปกรณ์ แรงงาน และอื่นๆ

3. ต้องกระทำกิจการร่วมกันให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ โดยวัตถุประสงค์ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย

4.มีวัตถุประสงค์ที่จะแบ่งกำไรที่ได้จากกิจการที่ทำตามประมวลกฎหมายแพ่งและ

พาณิชย์ บัญญัติไว้ว่าหากไม่ได้มีความประสงค์จะแบ่งปันกำไร จะไม่ได้เรียกว่าเป็นห้างหุ้นส่วน

การก่อตั้ง

การก่อตั้ง

การจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 ทำความตกลงระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนในเรื่องสำคัญๆ

ห้างหุ้นส่วนจำกัดเป็นรูปแบบการประกอบกิจการค้าที่มีคนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งอาจเกิดขึ้นผู้เป็นหุ้นส่วนควรทำความตกลงกันในเรื่องสำคัญ ๆ

ขั้นตอนที่ 2 จองชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด การจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนขึ้นใหม่ต้องตรวจสอบชื่อที่ต้องการจองว่าชื่อต้องไม่เหมือนหรือมีเสียงเรียกขานตรงกันหรือคล้ายคลึงกันกับชื่อที่ได้จองหรือได้จดทะเบียนไว้ก่อนแล้ว

ขั้นตอนที่ 3 จัดทำคำขอจดทะเบียนและเอกสารประกอบ เมื่อได้จองชื่อแล้วให้ผู้ขอจดทะเบียนต้องจัดทำตรายางของห้างหุ้นส่วนกรอกรายละเอียด(โดยวิธีการพิมพ์ด้วย

เครื่องพิมพ์ดีดหรือคอมพิวเตอร์)ในแบบพิมพ์คำขอจดทะเบียนให้ครบถ้วนถูกต้องตรงตามความเป็นจริง

ในแบบพิมพ์

คำขอจดทะเบียนเอกสารและหลักฐานที่ต้องใช้ในการจดทะเบียน

ขั้นตอนที่ 4 การยื่นขอจดทะเบียนทำได้ 2 วิธี คือ

1. ยื่นคำขอจดทะเบียนพร้อมเอกสารประกอบต่อนายทะเบียน

2. ยื่นขอจดทะเบียนทางอินเทอร์เน็ตที่ www.dbd.go.th เพื่อให้นายทะเบียนตรวจพิจารณาคำขอจดทะเบียนก่อน

การยกเลิก

การยกเลิก

การเลิกห้างหุ้นส่วนนั้น นอกจากการที่ตกลงกันไว้แล้วนั้น จะต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้ แบ่งพิจารณาได้เป็น 3 กรณี

1.การเลิกห้างหุ้นส่วนโดยข้อสัญญา

ห้างหุ้นส่วน นั้นเป็นเรื่องของสัญญา จะเกิดขึ้นกับเจตนาของคู่สัญญาที่มีการตกลงกันไว้ในตอนแรก และหุ้นส่วนทุกคนจะต้องตกลงเลิกกัน แต่ถ้าหุ้นส่วนคนใดคัดค้านก็ไม่สามารถทำการเลิกได้ และการเลิกนั้นไม่ต้องมีแบบแผนหรือหลักฐานเป็นหนังสือ เพียงแค่ ตกลงด้วยวาจาก็ถือว่าสำเร็จแล้ว

2. การเลิกห้างหุ้นส่วนโดยบทบัญญัติของกฎหมาย

เป็นกรณีที่ไม่ได้เลิกกันโดยข้อตกลง แต่เป็นการเลิกตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ เมื่อมีกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นให้ถือว่าห้างเลิกกันไปโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องอาศัยความยินยอมของห้างหุ้นส่วน และไม่จำเป็นต้องร้องขอให้ศาลสั่งเลิกด้วย ซึ่งมีอยู่ 2 กรณี คือ

1.ผู้เป็นหุ้นส่วนบอกเลิกในกรณีของห้างหุ้นส่วนไม่กำหนดเวลา

2.ผู้เป็นหุ้นส่วนตาย ล้มละลาย หรือตกเป็นบุคคลไร้ความสามารถ

3.การเลิกห้างหุ้นส่วนโดยคำสั่งศาล

มาตรา 1057 “ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดร้องขอเมื่อมีกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งดั่งจะกล่าวต่อไปนี้ศาลอาจสั่งให้ห้างหุ้นส่วนสามัญเลิกกันเสียก็ได้คือ

(1)เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งนอกจากผู้ร้องฟ้องนั้นล่วงละเมิดบทบังคับใดๆอันเป็นข้อสาระสำคัญซึ่งสัญญาหุ้นส่วนกำหนดไว้แก่ตนโดยจงใจหรือเลินเล่ออย่างร้ายแรง

(2) เมื่อกิจการของห้างหุ้นส่วนนั้นจะทำไปก็มีแต่ขาดทุนอย่างเดียวและไม่มีหวังจะกลับฟื้นตัวได้อีก

(3) เมื่อมีเหตุอื่นใดๆทำให้ห้างหุ้นส่วนนั้นเหลือวิสัยที่จะดำรงคงอยู่ต่อไปได้”

นางสาว เปรมิกา เป็งใจ

รหัสนักศึกษา 62541206356-6

นางสาว โชติกา จิตนุ่ม

รหัสนักศึกษา 62541206351-7

นางสาว ศิริลักษณ์ คำป้อ

รหัสนักศึกษา 62541206087-7

สาขา การจัดการธรุกิจ

สมาชิก

Learn more about creating dynamic, engaging presentations with Prezi