Introducing 

Prezi AI.

Your new presentation assistant.

Refine, enhance, and tailor your content, source relevant images, and edit visuals quicker than ever before.

Loading…
Transcript

วิธีสอนแบบชักชวน

แนวคิดพื้นฐาน

จากแนวคิดพื้นฐานดังกล่าวข้างต้น

วิธีสอนแบบชักชวนเป็นวิธีที่มุ่งให้

ผู้เรียนเรียนภาษาที่ใช้สื่อสารใน

ชีวิตประจำวันผู้เรียนจะจดจำข่าวสาร

และข้อมูลได้ดีถ้าผู้เรียนไว้วางใจ

และศรัทธาในตัวผู้สอนการเรียน

การสอนไม่ควรให้ผู้เรียนกังวลห้อง

เรียนมีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย

มีรูปภาพสวยงามดูสบายตา

ทฤษฎีทางภาษา

จะเน้นการจำคำศัพท์ภาษาต่างประเทศพร้อมกับคำแปลเป็นภาษาของผู้เรียน

ซึ่งการเรียนแบบนี้ทำให้เกิด

แนวคิดการมองภาษาว่าคำศัพท์พร้อม

คำแปลเป็นหัวใจสำคัญที่ควรเน้นแต่

อย่างไรก็ตามยังคงเน้นความสำคัญของประสบการณ์ทางภาษากล่าวคือวิธีการ

สอนแบบชักชวนผู้เรียน

ไม่เพียงแต่จะจดจำคำศัพท์และ

เรียนรู้การพูดจนเป็นนิสัยเท่านั้นจะต้อง

สามารถสื่อสารได้ด้วย

1)การเรียนรู้ประกอบด้วยสภาวะจิตสำนึกและจิตไร้สำนึก

ควบคู่กันไปคือเมื่อผู้เรียนอยู่

ในสภาพที่มีจิตสำนึกคือรู้ตัวว่ากำลังเรียนภาษาอยู่และในขณะ

เดียวกันผู้เรียนจะรับรู้สิ่งต่างๆ

รอบตัวที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียนแบบไม่รู้ตัว

ทฤษฎีการเรียนรู้

2

2)การเรียนรู้จะเรียนรู้ได้ดีและเร็วกว่าปกติหากผู้เรียนเอาพลังความสามารถภายในออกมาใช้เพราะ

ความสามารถของคนเรานั้นมีมาก

เกินกว่าที่เราจะคาดถึงความสามารถนี้นำออกมาใช้ได้ทันทีจะช่วยให้

ผู้เรียนมีโอกาสใช้ความสามารถที่มีอยู่ในตัวได้มากขึ้น

3)การเรียนรู้จะทำได้ดีถ้าอยู่ในสภาวะจิตที่ผ่อนคลายผู้เรียนจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดในบรรยากาศที่เอื้อต่อการ

เรียน การอยู่ในสภาพที่ผ่อนคลาย ทั้งร่างกายและจิตใจ อารมณ์ และการสื่อสารที่เหมาะสม จะช่วยให้บรรยากาศการเรียน

เต็มไปด้วยความเพลิดเพลินเพราะได้ขจัดอุปสรรคการเรียนรู้คือ

ความคิดของผู้เรียนออกไป

3

1)ผู้สอนชักชวนให้ผู้เรียนตั้งชื่อใหม่เป็นภาษาต่างประเทศสมมุติสัญชาติและอาชีพที่ตนเองต้องการจากนั้นให้ผู้เรียนทักทายกันตามบทสนทนาสั้นๆ

2)ผู้อ่านบทสนทนาให้ผู้เรียนฟังอธิบายคำศัพท์ ไวยกรณ์ออกเสียงที่ปรากฏในบทสนทนาที่ผู้เรียนไม่เข้าใจ การถามตอบอาจใช้ภาษาของผู้เรียนได้

3)ผู้สอนอ่านบทสนทนาให้ผู้เรียนฟังอีกครั้งโดยให้ผู้เรียน

อ่านตามมีระดับน้ำเสียงเหมือนเจ้าของภาษาและมีเสียง

ดนตรีประกอบ

4)ผู้สอนอ่านบทสนทนาให้ผู้เรียนฟังอีกครั้งหนึ่งโดยมีเสียงดนตรีประกอบไปด้วยผูเนียนนั่งฟังท่าที่สบายโดยไม่ต้องดูบทสนทนา

5)ผู้สอนจัดกิจกรรมเพื่อฝึกเพิ่มเติมเสริมเนื้อหาจากบท

สนทนาโดยกิจกรรมร้องเพลง เล่นเกม การแสดงบทบาทสมมุติ กิจกรรมเสริมดังกล่าวนอกจากฝึกพูดแล้ว

ยังฝึกการอ่านและเขียน

ขั้นตอนการสอน

บทบาทของผู้เรียนในวิธีการสอนแบบ

ชักชวนเป็นผู้เชื่อฟังและไว้วางใจผู้สอนโดยมี

ความเชื่อมั่นว่าจะประสบความสำเร็จในการ

เรียนภาษาผู้เรียนต้องเปิดใจยอมรับ

บทบาทใหม่และชื่อใหม่ที่ ผู้สอนมอบให้ตลอดจนยอมรับเทคนิคต่างๆที่ผู้สอนใช้เพราะเป็นวิธีการหนึ่งที่จะ

ช่วยเพิ่มพูนทักษะในการใช้ภาษาเป้าหมาย

บทบาทของผู้เรียน

บทบาทผู้สอน

ผู้สอนต้องเป็นผู้เตรียมตัว

ในการสอนอย่างเป็นลำดับ

ขั้นตอนต้องมีความสามารถ

ในการแสดงการร้องเพลง มีจิตวิทยาในการใช้เทคนิค

ต่างๆ

บทบาทของผู้สอน

แบ่งออกเป็น2ประเภท คือสื่อทางตรงได้แก่แบบเรียนและ

เทปบันทึกเสียงแบบเรียนควรน่าสน

ใจ มีคุณค่าในการเรียน สำหรับสื่อทางอ้อมได้แก่

สภาพแวดล้อมในชั้นเรียนและดนตรีชักชวน

ให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมในชั้นเรียน

ควรตกแต่งห้องด้วยแสงไฟ อุปกรณ์ต่างๆตลอดจนเสียงดนตรีทำให้

ผู้เรียนจดจำในสิ่งที่เรียนมีความสุขในการเรียน

บทบาทของสื่อการสอน

ข้อดี

  • ผู้เรียนมีความรู้สึกผ่อนคลายทั้งร่างกาย

และอารมณ์ สบายใจ

พอใจที่จะเรียนในสภาพแวดล้อมที่น่าเรียน

  • ผู้เรียนไม่กลัวหรือกังวลที่จะทำอะไรผิดทำ

ให้สามารถเรียนรู้ภาษาได้เร็วและได้ผลดี

  • ผู้เรียนได้เรียนภาษาที่ใช้จริงและเรียนรู้วัฒนธรรมของเจ้าของภาษาตลอดจนสามารถใช้ภาษาสื่อสารได้

ข้อดีและข้อจำกัดของวิธีการสอน

ข้อจำกัด

  • เหมาะที่จะใช้สอนผู้เรียนกลุ่มเล็กมากกว่า กลุ่มใหญ่เพราะผู้เรียนต้องร่วมกิจกรรม ต่างๆที่ผู้สอนจัดให้ถ้าผู้เรียนกลุ่มใหญ่อาจ ไม่สะดวกในการจัดกิจกรรมและโอกาสที่จะ ให้ผู้เรียนทุกคนมีส่วนร่วมจึงเป็นไปได้ยาก
  • เน้นการใช้ภาษาเพื่อสื่อความหมายมุ่งเน้น โครงสร้างไวยากรณ์จึงอาจทำให้ผู้เรียนมี ความรู้ไม่ดีพอในเรื่องไวยากรณ์
  • ผู้สอนต้องมีความอดทนและมีความเชื่อใน ปรัชญาเกี่ยวกับการสอนแบบชักชวนเพราะผู้สอนเป็นผู้มีบทบาทและต้องมีความ สามารถซึ่งเป็นการยากที่จะหาผู้สอนที่มีคุณ สมบัติครบถ้วนตามที่ต้องการ

การวัดประสิทธิผลของวิธีการเสนอแนะในชั้น

เรียนการเขียน EFL โดย: Sardian Maharani Asnur sardian.maharani@gmail.com (อาจาร์ย Adab คณะมนุษย์ศาสตร์ ของ Alauddinแห่งรัฐอิสลามมหาวิทยาลัยมากัสซาร์)

บทความวิจัย

Measuring the Effectiveness of Suggestopedia Method

in EFL Writing Class

By:

Sardian Maharani Asnur

sardian.maharani@gmail.com

(Lecturer of Adab Fuculty and Humaniora of Alauddin Islamic State University of

Makassar

Abstract

This study explores the effectiveness of suggestopedia method in

EFL writing class. It also gives elaboration of activities in

suggestopedia method that have proven useful in an EFL learning

class. The research was conducted to the 2nd semester students of

English and Literature Department at Alauddin Islamic State

University of Makassar, South Sulawesi, academic year of

2014/2015. There are 15 students that became sample of the

research which is selected by random sampling technique.

Research shows that by suggestopedia method, students become

better in writing descriptive paragraph. Through suggestopedia,

students learn in an enjoyable way and without any psychological

barrier that can disturb the learning process. The result also

shows that the outcomes of each students are varies seeing from

their post-test writing score; therefore, the writer concluded that

the students got a good score because of an enjoyable learning,

not because the classic music. Nevertheless, suggestopedia is a

good method to develop the students’ writing ability

Keywords: Effectiveness, Suggestopedia, EFL, Writing

ผลการวิจัยและ

การอภิปราย

วิธีการดำเนินงาน

1.ขั้นตอนการสอนในงานวิจัย(bask procedure) นี่คือตัวขั้นตอนการสอนโดยใช้วิธีสอนแบบชักชวนในการสอนการ

เขียน

a.การเตรียมการสอน(Class preparation) ในห้องเรียนของวิธีการสอนแบบชักชวนจะมีความ

สีสันสดใสสนุกสนาน ขั้นตอนแรกที่ผู้สอนทำคือตกแต่งห้องด้วยรูปภาพ

ต่างๆมีขนาดใหญ่พอสมควร เช่น ผู้สอนใช้รูปภาพเกี่ยวกับอาชีพโดยแต่ละรูปจะมี

คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่นวกับอาชีพนั้นๆโดยใช้ด้วย

อักษรที่หลากหลายสีสัน นอกจากนี้ผู้สอนติดโปสเตอร์ที่เกี่ยวกับหลักไวยกรณ์มีต้นไม้วางไว้ที่มุมของห้อง มีการเปิดเพลงที่ฟังแล้วสบายๆประกอบในห้องเรียน

โดยการสอนแบบชักชวนเชื่อว่าการจัดห้องเรียนเช่นนี้จะเปลี่ยนความ

คิดของผู้เรียนที่เคยคิดว่าการเรียนมันยาก(Learning is hard) เป็นการเรียนที่สนุก(Learning is fun) คำศัพท์ที่ติดไว้ที่ฝาผนังจะถูกจดจำในสมองของ

นักเรียนอย่างรู้ตัวและคงทนโดยการเรียนรู้แบบนี้จะ

ช่วยให้การเรียนรู้บรรลุเป้าหมาย

b

b.กิจกรรมการเรียนรู้(class activities)

1.ผู้สอนทักทาย นักเรียนในภาษาแม่ จากนั้นผู้สอนนักเรียนว่า เราจะเรียนภาษาอังกฤษ ในวิธีการเรียนแบบใหม่ที่น่าสนใจ และน่าตื่นเต้นผู้สอนพูดอย่างมั่นใจ

2.นักเรียนได้รับชื่อใหม่และอาชีพใหม่lozanov เชื่อว่าสามารถแก้ปัญหาที่ นักเรียนเจอ ในสถานการณ์จริง ได้โดยจำลองสถานการณ์ ในห้องเรียน

3.ผู้สอนทักทายนักเรียนแต่ละคน ใช้ชื่อใหม่ และ ถาม คำถาม กับนักเรียนแต่ละคน 2-3 คำถาม นักเรียนตอบแค่ใช่ไม่ใช่

4 .หลังจาก ทักทาย นักเรียน แต่ละคนจนครบแล้ว ผู้สอน แจก บทอ่าน ที่ผู้สอนได้จัดเตรียมไว้ โดยเนื้อหาที่นักเรียนได้รับ จะเรียนจบในคาบน้ั้น

5.หลังจากนั้นการอ่านแบบมี โทน เสียง เริ่มต้นขึ้นในห้องเรียน (เปิดเพลงคลอไประหว่างการอ่าน) ผู้สอนอ่านบทอ่านพร้อมกับ การเปิดเพลงคอพร้อมกับทำท่าทาง และน้ำเสียงประกอบ เสียงสูงต่ำและจังหวะการอ่าน เข้ากับทำนองเพลงที่เปิดคอ ระ หว่างอ่าน นักเรียน อ่านโดยใช้เสียงสูง ตำ ตาม พูด สอน ในระหว่างนั้นผู้เรียนถูกกระตุ้น ให้หาใจความสำคัญและจดไว้

6.กิจกรรมต่อไปคือการอ่านแบบไม่มีโทนเสียง ผู้สอนบอกให้นักเรียนวางบทอ่าน และฟังเพลงอย่างเดียว หลังจากนั้นผู้สอนอ่านบทอ่าน อีกครั้งแต่ ไม่เหมือน อ่าน ใน ครั้งแรก และเพลงก็ต่างจากครั้งแรก โดยอ่านแบบธรรมดาโดยไม่มีเสียงสูงต่ำใดๆ

และโทนเสียงก็ไม่เข้ากับ ดนตรีเพลงที่เปิด

7.หลังจากการอ่านโดยใช้เพลงประกอบจบผู้สอน อธิบายเกี่ยวกับประเภทของบทอ่าน ไวยากรณ์คำศัพท์ องค์ประกอบของบทอ่าน

8.ผู้สอนให้นักเรียนเขียน จากสิ่งที่นักเรียนได้อ่าน

9.หลังจบการสอนจะไม่มีการบ้านสำหรับนักเรียน

นอกจากนี้ยังมีหลายกิจกรรม ที่สามารถนำไปใช้ในวิธีการสอน แบบชักชวนในการสอนเขียน กิจกรรมแรกคือ สามารถสัมภาษณ์เพื่อนๆโดยมีชื่อใหม่ มี งานใหม่ จากนั้นเขียน สิ่งที่ได้สัมภาษณ์เพื่อนมา กิจกรรมที่ สอง คือโยนบอล ในกิจกรรมการเขียน นักเรียนใช้ลูกบอล ให้เพื่อนเพื่อเกิดความสนุกสนาน และถามคำถามเพื่อนด้วยการเขียนและตอบ ในรูปแบบการเขียนกิจกรรมที่ สามคือการเขียนบทสนทนา และทำท่าทางประกอบ โดยกิจกรรมเหล่านี้ อาจจะมีหลากหลายกว่านี้และ ผู้สอนควรมีการออกแบบ กิจกรรมการเรียนรู้ ให้สร้างสรรค์และมีความรักร้าย

c

C. การประเมิน (Assessment)

การประเมินในงานเขียนในวิธีการสอนเเบบชักชวน เป็นการวัดเเละประเมินผลอย่างไม่เป็นทางการ สำหรับการวัดเเละประเมินผลอย่างไม่เป็นทางการในวิธี

การสอนเเบบชักชวน คือ

1) การทดสอบเเละการสอบย่อย เพื่อที่จะเป็นการประเมินความรู้ทางหลักภาษาของ

นักเรียน

2) การรวบรวมผลงานเขียน เพื่อดูพัฒนาการเขียนของนักเรียนตั้งเเต่ต้นจนจบ โดยเมื่อนักเรียนเขียนงานครบทุกงาน เเต่ละคนจะเก็บรวบรวมในเเฟ้มสะสมผลงานของ

เเต่ละคน

3) ตัวอย่างงานเขียนในรูปเเบบต่างๆที่นักเรียนดูตัวอย่าง

เเละนำมาเขียน เช่น การเขียนเรียงความ

4) การมอบหมายโครงการเกี่ยวกับงานเขียน โดยให้นักเรียนเเสดงศักยภาพงานเขียนของตนเองที่เคยเรียนออกมาในรูปของโครงการ นอกจากนี้ ยังมีการวัดเเละประเมินผลที่สามารถใช้ได้ในการจัด

การเรียนการสอนในปัจจุบัน

หลังจากทดสอบการเขียนผู้เรียนตื่นเต้นกับผลคะแนน มีนักเรียนสี่คน ที่ ได้ 80 คะแนน อีกสี่คนได้ 70 คะแนน ห้าคนได้ 60 คะแนนและสี่คนได้ 50 คะแนน แต่ว่าการทดสอบ ก่อนเรียน มีนักเรียน สาม คนได้ 70 คะแนน สามคนได้ 60 คะแนน สี่คนได้ 50 คะแนน สามคนได้ 40 คะแนนและอีกสองคนได้ 30 คะแนน ในขณะเดียวกัน ระหว่างการรักษา นักเรียนจะไม่ถูกขอถามให้จำ แต่โดยเฉลี่ยแล้ว เด็กๆจะได้เกรดดี มันสามารถเกิดขึ้นได้เพราะ ระหว่างการเยียวยา พวกเขาได้เรียนในสภาพแวดล้อมที่สนุกสนานและปราศจากอุปสรรคทางจิตใจซึ่ง อาจจะขัดขวางกระบวนการเรียนรู้ก่อนการปฏิบัติพวกเขาเชื่อว่าการท่องจำนั้นเป็นเรื่องยาก แต่คะแนนของนักเรียนที่ได้ทดสอบไปเป็นวิธีการแนะนำสื่อที่ไม่มีประสิทธิภาพ และใช้ไม่ได้กับนักเรียนทุกคนนักเรียนได้คะแนนดีจากการเขียนอธิบายเพราะเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ดีและสนุกสนานของห้อง

เรียนไม่ใช่เพราะเพลงคลาสสิค

จากผลลัพธ์ข้างต้นพวกเราจะเห็นได้ว่ามีข้อดีหลายอย่างที่ครูและนักเรียนจะได้รับประการแรกคือ โดยการใช้วิธีการชักชวนนักเรียนสามารถ รับ ภาษาแบบไม่รู้ตัว ในชั้นเรียนจะจัดขึ้นในห้องเรียนธรรมดา พร้อมเก้าอี้ที่สะดวกสบายให้สำหรับนักเรียน การฝึกฝนที่อาจช่วยให้พวกเขาผ่อนคลาย ครูสามารถทำสิ่งอื่นๆที่จะช่วยลดตัวกรองอารมณ์ ประการที่สองนักเรียนประจำและได้รับอิทธิพล มากที่สุดจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ของครูผู้สอน ประการที่ สามเป็นการเรียนรู้จาก 2 ด้าน พวกเขารับและเรียนรู้ที่ประกอบด้วยสภาวะจิตสำนึกอย่างใดอย่างหนึ่งนักเรียนสามารถรับรู้จุดมุ่งหมาย ของการสอนจากคำแนะนำโดยตรงและสภาพแวดล้อมที่เกิดจากการเรียนการสอนข้อได้เปรียบสุดท้ายคือคำแนะนำที่ส่งเสริมให้นักเรียน ใช้ภาษาได้อย่างอิสระ มากขึ้น ใช้ความรับผิดชอบมากขึ้นด้วยสำหรับการเรียนรู้ของตนเอง และได้รับความมั่นใจ ที่มากขึ้นเช่นกันข้อมูลที่อยู่ในขอบเขตสามารถช่วยนักเรียนเกี่ยวกับประสบการณ์ได้มากขึ้นทดลองและมองหาแหล่งข้อมูลอื่นๆที่นอกเหนือจาก ที่ครูสอน ตัวอย่าง นักเรียนสามารถสร้างประโยคโดยใช้โครงสร้างไวยากรณ์ติดไว้บนผนังห้องเรียนที่ อธิบายประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะนำไปพูดภาษาอังกฤษโดยที่ดูจากโปสเตอร์ที่ติดบนผนัง ฯลฯ เมื่อนักเรียนประสบความสำเร็จพวกเขาก็จะมีความมั่นใจมากขึ้นแม้ว่าจะมีข้อดีหลายประการ แต่ว่าคำแนะนำของสื่อก็มีข้อจำกัดเช่นกัน ข้อเสียแรกคือ สื่อที่จำกัด ที่จะใช้ในชั้นเรียน ในห้องมีกิจกรรมมากมายที่ต้องการสื่อเพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น ในกิจกรรมคอนเสิร์ตเราต้องเล่นดนตรีในชั้นเรียน แต่ปัญหาคือบางโรงเรียนไม่มีสื่อในการเล่นดนตรี เพื่อแก้ปัญหานี้ในฐานะครูผู้สร้างสรรค์ครูสามารถนำสื่อของตัวเอง เช่น แล็ปท็อปและโทรศัพท์มือถือมาเปิดเพลงเพื่อใช้เเทนเครื่องดนตรี ปัญหาที่สอง การใช้วิธีในการแนะนำสื่อ คือ ความสามารถของครู

มีกิจกรรมบางอย่างในหนังสือแนะนำสื่อที่ครูต้องแสดงออก แต่มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับครูที่ไม่มีความสามารถ จากปัญหาดังกล่าวเราสามารถทำให้ครูแสดงออกได้มากขึ้น โดยการฝึกฝน ดังนั้นครูต้องมีความมั่นใจและฝึกฝนให้มาก สรุปคือ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง แต่เราก็ยังสามารถแก้ไขได้

Learn more about creating dynamic, engaging presentations with Prezi