Introducing
Your new presentation assistant.
Refine, enhance, and tailor your content, source relevant images, and edit visuals quicker than ever before.
Trending searches
คุณสมบัติของโค้งการแจกแจงปกติ
โค้งเบ้ทางบวก (Positive Skewness)
โค้งปกติ (Normal Curve)
การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงบรรยาย
มัธยฐาน
(Median)
ฐานนิยม
(Mode)
มัชฌิมเลขคณิต
(Arithmetic Mean)
การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงสรุปอ้างอิง
การแจกแจงความถี่
การแจกแจง (Distribution)
หมายถึง
ลักษณะที่ ตัวแปรตัวหนึ่งจะมีค่าต่างๆ ในขอบเขตของค่าที่เป็นไปได้
การวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลาง
ค่ากึ่งกลางของข้อมูลชุดนั้น หรือค่าที่อยู่ในตำแหน่งกึ่งกลาง
ของข้อมูลชุดนั้น เมื่อได้จัดเรียงค่าของข้อมูลจากน้อยที่สุด ไปหามากที่สุดหรือจากมากที่สุดไปหาน้อยที่สุด ค่ากึ่งกลาง
จะเป็นตัวแทนที่แสดงว่ามีข้อมูลที่มากกว่าและน้อยกว่านี้อยู่ 50 %
การหาผลรวมของข้อมูลทั้งหมดด้วยจำนวนข้อมูลทั้งหมด
การวัดการกระจาย
การวัดการแจกแจง
ความถี่ (Frequency)
หมายถึง
จำนวนรายการ ข้อมูลหรือจำนวนคะแนนที่ซ้ำกัน
เป็นการจัดข้อมูลที่มีอยู่ให้เป็นระเบียบ เป็นหมวดหมู่เพื่อแสดงให้ทรายว่าข้อมูล
แต่ละค่าเกิดขึ้นซ้ำๆ กันกี่ครั้ง และนำมา
จัดเป็นรูปแบบใหม่ อาจจะเรียงจากค่า
มากไปหาน้อยหรือจากน้อยไปหามาก เพื่อสะดวกในการวิเคราะห์ โดยใช้วิธีการ
ทางสถิติต่อไป
การวัดตำแหน่งเปรียบเทียบ
และคะแนนมาตรฐาน
การแจกแจงความถี่(Frequency distribution) หมายถึง
การแจกแจงจำนวนรายการข้อมูลหรือ คะแนนที่ซ้ำกันที่ตกอยู่ในช่วง
คะแนนที่กำหนดไว้
โค้งเบ้ทางลบ (Negative Skewness)
ความเบ้ (Skewness)
เป็นค่าที่ใช้วัดลักษณะของเส้นโค้งหรือ
ลักษณะของข้อมูลว่าเบ้หรือไม่ แบ่งเป็น
1.1 แบบไม่จัดหมู่
1.2 แบบจัดหมู่
ค่าของคะแนนที่ซ้ำกันมากที่สุดหรือ ค่าคะแนนที่มีความถี่สูง
ที่สุดในข้อมูลชุดนั้น
ขั้นที่ 1
หาพิสัยของคะแนน
พิสัย = คะแนนสูงสุด- คะแนนต่ำสุด
ขั้นที่ 2
3.1 กราฟแท่ง
3.2 กราฟเส้น
ประมาณจำนวนชั้นคะแนน นิยมกำหนดระหว่าง 5-20 ชั้น
หาอันตรภาคชั้น
ขั้นที่ 3
อันตรภาคชั้น =พิสัย/จำนวนชั้น
ขั้นที่ 4
การวัดลักษณะของเส้นโค้งความถี่ของข้อมูล ประกอบด้วย
เขียนขีดจำกัดชั้นของคะแนนแต่ละชั้นลงในช้่องคะแนน
ขั้นที่ 5
ขีดรอยคะแนน (tally)
ขั้นที่ 6
นับจำนวนคะแนนแล้วรวมใส่ในช่องความถี่
(Measure of Dispersion)
การวัดการกระจายสัมบูรณ์ (Absolute Variation)
ควอร์ไทล์ ( Quartile)
เป็นค่าที่แบ่งข้อมูลซึ่งเรียงตามขนาดออกเป็น 4 ส่วนเท่าๆกัน จึงมีค่าเป็น Q1, Q2 และ Q3 ตามลำดับ
อัตราส่วน
เป็นการเปรียบเทียบความถี่ระหว่างรายการย่อยกับรายการ
ย่อยของตัวแปร
อัตราส่วน = ความถี่ของ A
ความถี่ของ b
อัตราส่วน = ความถี่ของ A : ความถี่ของB : ความถี่ของ C
การวัดการกระจายสัมพัทธ์ (relative Variation)
ร้อยละ (Percent)
เป็นการเปรียบเทียบความถี่ระหว่างรายการ
ย่อยกับจำนวนทั้งหมดที่ ปรับเทียบให้เป็น 100
ค่าร้อยละจึงคำนวณเหมือนค่าสัดส่วนและปรับฐาน
ให้เป็น 100
ร้อยละ = ความถี่ของรายการ x 100
ความถี่ทั้งหมด
= สัดส่วน x 100
1. สัมประสิทธิ์ของพิสัย(coefficient of range)
เดไซล์ (Decile)
เป็นค่าที่แบ่งข้อมูลเรียงตามขนาดออกเป็น 10 ส่วนเท่าๆกัน จึงมีค่าเป็น D1, D2, …, และ D9 ตามลำดับ
การวัดการกระจายสัมพัทธ์ (relative Variation)
=
เปอร์เซนไทล์ (Percentile)
เป็นค่าที่แบ่งข้อมูลเรียงตามขนาดออกเป็น 100 ส่วนเท่าๆกัน จึงมีค่าเป็น P1, P2, …, และ P99 ตามลำดับ
สัดส่วน
เป็นการเปรียบเทียบความถี่ระหว่างรายการย่อยกับจำนวน
ทั้งหมดของตัวแปรนั้น
สัดส่วน = ความถี่ของรายการ
ความถี่ทั้งหมด
2. สัมประสิทธิ์ของการแปรผัน(coefficient ofvariation)
การวัดการกระจายสัมบูรณ์ (Absolute Variation)
การแปลงคะแนนดิบเป็นคะแนนมาตรฐาน
1. พิสัย (Range : R)
2. ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation : S.D.)
T - score
Z – score
1. อัตราส่วน (Ratio) และสัดส่วน (Proportion)
3. ส่วนเบี่ยงเบนเฉลี่ย (Mean Deviation : M.D.)
2. ร้อยละ (Percent)
ความแปรปรวน (Variance)
3. ควอร์ไทล์ (Quartile)
เดไซล์ (Decile)
และเปอร์เซนไทล์ (Percentile)
4. ส่วนเบี่ยงเบนควอไทล์ (quartile Deviation : q.D.)
โดย นายมูฮำหมัดศอฟรี บารู รหัสนักศึกษา 5620121506 นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา สาขาเทคโนโลยีการศึกษา